สรุปยอดซื้อขายประจำวันศุกร์ ที่ 10 ต.ค. 2557

สรุปยอดซื้อขายประจำวันศุกร์ ที่ 10 ต.ค. 2557

ต่างชาติ -1,059.87
กองทุน +637.73
โบรคเกอร์ -441.18
รายย่อย +863.32
SET 1,552.72 -7.89 จุด
(-0.51%) Vol. 38,476.86 M.
TOP 5
1. PTT 364<(-11.00)
2. TRUE 11.40<(-0.10)
3. SOLAR 10.50>(+1.45)
4. ADVANC 224<(-2.00)
5. CHOW 8.15>(+1.45)
***TFEX***
**S50Z14**
ปิด 1030.40 จุด
ลดลง 6.50 จุด(-0.63%)

เครดิต
Wasana Kittipornnont
(ห้องคุยนักลงทุน)

TOPIC : แนวโน้ม SET INDEX ตลาดหุ้นไทย 10/10/57

TOPIC : แนวโน้ม SET INDEX ตลาดหุ้นไทย 10/10/57 


Technical Focus : INDEX แกว่งตัวในกรอบ 1561.79 - 1527.88 โดยมองแนวต้าน INDEX ที่ 1561.79 แนวรับ 1543.39 INDEX มีแนวต้านสำคัญที่ 1574.52 ซึ่งดัชนีควรขึ้นไปทดสอบบริเวณนี้ให้ได้ หากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 1543.39 ได้จะเกิดการปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับ 1527.88 ซึ่งหากหลุดได้ก็มองกรอบปรับฐานตามเดิมที่ 1510-1500 ครับ ตอนนี้ดัชนีกำลังทำคลื่นย่อยเป็นคลื่น MINOR TREND ซึ่งหากดัชนีสามารถทะลุผ่านกรอบแนวต้านย่อยที่ 1561.79 ได้จะมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีในระยะสั้นๆ ที่ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1574 1590 และ 1602 ครับ ดังนั้นหากดัชนีามารถผ่านแนวต้านย่อย MINOR TREND ที่ 1561.79 ขึ้นไปได้ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบแถวๆ high เดิมที่ 1602 ได้ครับ แต่ทั้งนี้การปรับตัวผ่านแนวต้าน 1561 1574 ไปได้นั้นจะต้องมีแรงซื้อเข้ามาเติมทั้งจากกองทุน และต่างชาติ โดยสังเกตได้จากค่าเงินบาทไทย และสถานะของหุ้นชุด A ทั้ง 9 ตัวว่ากำลังบ่งบอกสัญญาณในการเข้ามาของต่างชาติหรือไม่กรณีดัชนีผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1574.52 ได้ ก็ยังมีความสุ่มเสี่ยงที่ดัชนีอาจจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมที่ 1602 แล้วไม่ผ่าน ซึ่งจะทำให้เกิด pattern double tops ครับสังเกตได้จากดัชนีขึ้นไปทดสอบ 1602 ซึ่งเป็น high เดิม แต่ RSI เกิดการ Divergence และ Vol. ปริมาณการซื้อขายเบาบางลงกว่าเดิมแบบนี้ก็มีโอกาสที่ตลาดจะกลับลงมาอีกครั้งครับ แต่ทั้งนี้ในระยะสั้นนี้เราก็มองแนวต้าน 1561.79 และแนวรับ 1543.39 ไปก่อนครับ จะเห็นว่า SET INDEX แท่งราคาได้เปิด gap ทางเทคนิคซึ่งวันนี้เกิดการปรับตัวลงมาแต่ก็ไม่สามารถปิด gap ได้ก็ดูแล้วมีโอกาสที่ตลาดจะขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้านย่อยที่ 1561.79 ได้ครับ อีกกรณีหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวรับ 1543.39 ได้ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับ 1527.88 ได้ซึ่งหากหลุดได้ก็มองเป้าหมายที่ 1510-1500 ครับ

สรุป SET INDEX เกิดได้ 2 กรณี
1. ) ดัชนี INDEX ยืนเหนือแนวรับที่ 1543.39 ได้ เมื่อสร้างฐานได้ก็จะเกิดการเด้งขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1561.79 ผ่านได้มองแนวต้านถัดไปที่ 1574.52 ขึ้นมาแถวๆนี้อาจจะย่อก่อนครับ
2. ) ดัชนี SET INDEX หลุดแนวรับ GAP ที่ 1543.39 ได้และลงมาทดสอบแนวรับ 1527.88 หากสร้างฐานยืนเหนือ 1527 ได้ก็จะเกิดรูปแบบของการรีบาวด์อีกครั้ง ซึ่งเราสังเกตได้จาก การวิเคราะห์ใน TF ย่อยๆ ระดับ 15 นาที 60 นาที ได้ครับ

ดังนั้นผมยังมอง SET INDEX ยังคงอยู่ในแนวโน้มการปรับฐานการเด้งรีบาวด์ของดัชนีเป็นเพียงการรีบาวด์ทางเทคนิคประจวบกับมีสัญญาณเชิงบวกปัจจัยเสริมบ้างก็จึงทำให้ดัชนีสามารถสร้างฐานได้เหนือ 1527.88 ครับ ทั้งนี้หากดัชนีผ่านกรอบ 1561.79 ไปได้จะเป็นลักษณะการทำ Dow theory ใน Minor trend ซึ่งจะเป็นการบ่งบอกสัญญาณเชิงบวกในระยะสั้นๆ ครับเพื่อขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1574.52 ครับ ในจังหวะนี้มีหุ้นที่เราสมารถทำกำไรได้หุ้นบางตัวปรับตัวลงมาก่อน SET INDEX ดังนั้นหุ้นเหล่านั้นจะมีลักษณะของการสวนทางกับตลาดครับ และหุ้นบางตัวที่ได้ผลประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินก็ได้อานิสงค์ไปด้วย ส่วนกรอบค่าเงินบาทไทย ค่าเงินบาทไทยยังคงแกว่งในกรอบ 32.47 - 32.38 มีทิศทางที่แกว่งตัวจำกัดซึ่งค่าเงินบาทอาจจะมีแนวโน้ทที่จะอ่อนค่าขึ้นไปบ้างเพื่อทำรอบคลื่นตามเทคนิค แต่หากค่าเงินยังคงแกว่งในกรอบ 32.58 ได้ก็ยังมีโอกาสที่จะแข็งค่าต่อครับ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่บ่งชี้มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทเพื่อเข้ามาทำการลงทุนครับ



เครดิต
Nikky

(ห้องคุยนักลงทุน)

10 หุ้นจ๊าบ

10 หุ้นจ๊าบ
1.ACD ในอดีตคือหุ้น MME ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สันทนาการ เครื่องเล่นอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นปาเป้าอิเล็กทรอนิกส์ โต๊ะพูล โต๊ะฟุตบอล และโต๊ะไฟร์บอล ฯลฯ ภายใต้ตราสินค้า Medalist ให้กับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ไตรมาส2/57 กำไรลดลงจากปีก่อนที่58ล้านเหลือ26ล้าน -ปี 58 ผลการดำเนินงานจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ ภายหลังจากที่บริษัทมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นและโครงสร้างผู้บริหารชุดใหม่แนวโน้มไตรมาส 3/57 จะอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โครงการคอนโดมิเนียมตักสิลาที่จังหวัดมหาสารคามนั้นได้กระแสตอบรับดีมาก ACD-W2ราคาใช้สิทธิ : 1.00 บาทอัตราการใช้สิทธิ : 1:1วันหมดอายุ : 07/06/16(ทันหุ้น EFIN)
2.NIPPON ขึ้น H ประชุมกรรมการเรื่องสำคัญอาจมีผลต่อราคา ประเด็นเรื่องการเข้าไปในอุตสาหกรรมอาหาร หรือการค้าปลีก ซึ่งเชื่อว่าเป็นการพยายามเพิ่มสัดส่วนรายได้ทางอื่น จะทำให้บริษัทมีการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าอดีตพยายามที่จะผันตัวเองเข้าไปยังกลุ่มอาหารและธุรกิจอื่น ๆ ล่าสุดได้เซ็นสัญญารับสิทธิบริหารจัดการติดตั้งสื่อโฆษณาทั้งภายในและภายนอกของร้าน จิฟฟี่ ในปั๊ม ปตท.จำนวน 150 สาขา และครอบคลุมถึงร้านจิฟฟี่ที่จะเปิดใหม่เพิ่มขึ้นในอนาคต เพราะจะได้รับทั้งค่าบริหารค่าโฆษณาต่าง ๆ อย่างเต็มที่เป็นระยะเวลา 12 ปี Turnaround มีแผนที่จะบุกเข้าไปในธุรกิจอาหารเพิ่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก Packageพยายามที่จะผันตัวเองเข้าไปยังกลุ่มอาหารและธุรกิจอื่นๆ ล่าสุดได้เซ็นสัญญารับสิทธิ์ในการบริหารจักการติดตั้งสื่อโฆษณาทั้งภายในและภายนอกของร้าน จิฟฟี่ ในป๊ม ปตท. จำนวน 150 สาขา NIPPON-W ราคาใช้สิทธิ : 1.00 บาทอัตราการใช้สิทธิ : 1:1วันหมดอายุ : 30/05/16 (ทันหุ้น)
3.S เล็งขายหุ้นของกลุ่มสิงห์ให้พันธมิตรหวังเพิ่มฟรีโฟลตอย่างน้อย 15% - สรุปแผนธุรกิจ 3 ปีภายในเดือนหน้า โครงการแรกที่จะดำเนินการภายใต้ บริษัท สิงห์ เอสเตท จะอยู่ที่ถนนอโศก ชื่อโครงการ Mix Use ซึ่งจะเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ มีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม และสำนักงานออฟฟิศ ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบ โดยมีเป้าหมายจะสร้างให้เป็นแลนด์มาร์คในย่านอโศก โครงการดังกล่าวมีมูลค่าที่ดินกว่า 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีที่ดินเปล่ารอพัฒนาอยู่อีก 3 แปลง ได้แก่ ย่านอโศกพื้นที่ 11 ไร่ นอกจากนี้ยังเหลือที่ดินอีก 2 แปลงอยู่บนทำเลอโศก 2 ไร่ และเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา อีกกว่า 30 ไร่ กรณีมีกระแสข่าว S จะเข้าไปซื้อ N-PARK ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เผยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อสินทรัพย์โรงแรม-อสังหาฯ หลายราย คาดได้ข้อสรุปปีนี้อย่างน้อย 1 ราย (E-Fin)
4. CI บอร์ด อนุมัติวงเงิน 100 ลบ. ซื้อหุ้นคืน 72 ล้านหุ้น ตั้งแต่ 16 ต.ค. 57- 15 เม.ย. 58' ยอดโอนล้น-งบสูงแห่งปีติดชาร์ตพี/อีต่ำ-ยิลด์สูงเกิน6% ยอดโอนทะลักดันงบไตรมาส 4/2557 สูงสุดแห่งปี "สงกรานต์ อิสสระ" จ่อผุดโครงการใหม่ 2 พันล้านบาท ยิ้มการเมืองนิ่ง หนุนยอดอสังหาและเช่าโรงแรมกระเตื้องคอนเฟิร์มทั้งปี 2557 รายได้เข้าเป้า 10% ส่วนปี 2558 พุ่ง 15-20% หลังขายสินทรัพย์เข้ากองทุน เสือนอนกิน 4 พันล้านบาท ติดชาร์ตหุ้นแกร่ง P/E ต่ำทุนหนาให้ยิลด์สูงเกิน 6% เผย จะนำโรงแรมศรีพันวา เฟส2 ตั้งเป็นกองREIT ปีหน้า มูลค่า1พันลบ. คงเป้ารายได้ปีนี้ โต 10%เเตะ 2 พันลบ. เดินหน้าเปิดโครงการตามแผน ปฏิเสธข่าวกลุ่มทุนจากญี่ปุ่นเจรจาเข้าถือหุ้น ระบุมีพันธมิตรอยู่แล้ว (ทันหุ้น)
5.CWT ลุยธุรกิจพลังงานผุดโซลาร์รูฟ5-6MWทั้งปีรายได้โต1พันล้านเร่งศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทน หวังผุดโซลาร์รูฟบนหลังคาโรงงาน 3 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 5-6 เมกะวัตต์ เชื่ออัพรายได้พุ่งในอนาคตส่วนทั้งปี 2557 เข้าเป้า 1 พันล้านบาทผลประกอบการของบริษัทครึ่งปีแรกขาดทุน จากผลกระทบทางการเมืองทำให้คำสั่งซื้อ หรือพันธมิตร และบรรยากาศของการขายรถยนต์หดตัวรุนแรง คาดฟื้นตัวกลับมาได้ (ทันหุ้น)
6. MDX Q2/57กำไร93ล้านลดลงจากปีก่อน 99ล้านฮุบโรงไฟฟ้าพม่า500MW ญี่ปุ่นซื้อที่ล็อตใหญ่โลเกชั่นเหมาะต้อนลูกค้ากลุ่มยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์เข้าโรงงานแถมธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มมูลค่า ลุ้นข่าวดีฮุบโรงไฟฟ้าพม่า 500 เมกะวัตต์ อนาคตไกล ซุ่มทำนิคมแห่งใหม่ (ทันหุ้น)
7.TCMC ซุ่มเจรจาเทกโอเวอร์รายใหญ่ในประเทศ หวังขยายฐานสู่ AEC ผู้บริหาร เผยบุ๊กออเดอร์ลูกค้าตะวันออกกลาง อเมริกา และยุโรป แถมรับอานิสงส์กลุ่มโรงแรม และกลุ่มโมเดิร์นเทรดขยายฐานหนุนยอดขายพรมทะลัก เตรียมส่งบริษัทย่อย TCH ดันเข้าตลาดในอนาคต ส่วนปี 2558 กำไรกระโดด TCMC-W1ราคาใช้สิทธิ : 2.00 บาทอัตราการใช้สิทธิ : 1:1วันหมดอายุ : 26/08/16 (ทันหุ้น)
8. FOCUS ไตรมาส 2 /57 พลิกขาดทุน 6.86 ลบ. โดยประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 1,100 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 500-600 ล้านบาท พร้อมบริหารจัดการด้านต่างๆ และควบคุมต้นทุน ล่าสุดก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม FOCUS PLOENCHIT ที่เพลินจิต มูลค่า 800 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จช่วง Q1/58 (ASPEN ข่าวหุ้น)
9. GRAND เผย Q2/57 มีกำไรสุทธิ 64.85 ลบ. ดีกว่า Q2/56 ที่มีกำไรสุทธิ 25.05 ลบ. มั่นใจงบQ3/57 ดีกว่า Q2 หลังโอนโครงการ `ไฮด์ สุขุมวิท` 2 พันลบ. หวังนำเงินล้างหนี้เกลี้ยง ได้ และทำให้สัดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E เท่ากับ 0 ซึ่งจะทำให้ในปี 2557 นี้ บริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรก เตรียมสร้างโครงการใหม่ มูลค่า 4 พันลบ. กู้แบงก์ 1.5 พันลบ. จากครึ่งปีหลังมารวมจะทำให้ปีนี้บริษัทสามารถล้างหนี้ที่มีทั้งหมด พีอี14.5เท่า
10.HEMRAJ -WHA-TFD
HEMRAJ เผย บ.ย่อย ลงทุนใน"กัลฟ์ โซล่าร์" ทำSolar Rooftop กำลังผลิต 0.6MW 1 ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น 31% ในปี 2557 2 ยอดจองที่ดินที่เพิ่มขึ้นหลังบอร์ด BoI อนุมัติ 3 รายได้จากธุรกิจอื่นๆ แต่มีความเสี่ยงสำคัญคือ 1) ยอดจองที่ต่ำกว่าคาดในช่วง 1H57 2) ความไม่แน่นอนทางการเมือง 3) การปิดซ่อมแซมโรงไฟฟ้านอกกำหนดการ เตรียมทุ่มงบกว่า 2,400 ล้านบาท ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้า 7 แห่ง ขนาดกำลังผลิต125 เมกะวัตต์ คาดเริ่มโครงการแรกปลายปีนี้ ส่วนเป้ายอดขายที่ดินปีนี้คงเป้าไว้ 1,200 ไร่ หลังลูกค้าต่างชาติกลับมาเจรจาซื้อที่ดินต่อเนื่องคาดครึ่งหลังปี 2557 ยอดขายที่แรงเกิน 900 ไร่ อานิสงส์ความเชื่อมั่นฟื้น-บีโอไอ หนุนภาพการลงทุน แถมตุน Backlog เพิ่ม จากเดิมราว 1.1 พันล้านบาท กินยาวปีหน้าเดินหน้าอัดฉีดงบ 2.4 พันล้านบาท ดอดถือหุ้นโรงไฟฟ้าเพิ่ม 7 แห่ง - เริ่มมีกระแส WHA สนใจเทคโอเวอร์ (ข่าวหุ้น)
WHA เตรียมเดินสายโรดโชว์กองรีท กลุ่มนักลงทุนสถาบันต้นเดือนต.ค.นี้ คาดเปิดขายเดือนพ.ย. 57 ระบุเป็นกองอินดัสเทรียลรีท กองแรก ในอุตสาหกรรม คาดบุ๊ครายได้จากการขายสินทรัพย์ มูลค่า 4,500 ล้านบาทใน Q4/57 กลุ่มทุนจีบลุยรูฟท็อป หลัง กพช. ไฟเขียวดันพลังงานทดแทนเต็มสูบ คาดชัดเจนเร็วๆ นี้ ผู้บริหาร ลั่นดีลตั้งกอง REIT มูลค่าราว 4.7 พันล้านบาทคืบหน้า พร้อมคลอดไตรมาส 4/57 นี้ รายได้ตามเป้า 5 พันล้านบาท - ซุ่มดีลพาร์ตเนอร์จากแดนญี่ปุ่น ผุดคลังไซซ์ยักษ์ 1 แสนตารางเมตร คาดได้ข้อสรุปไม่เกิน Q4 นี้ อัดฉีดงบ 4.8 พันล้านบาท ขยายพื้นที่เช่าเพิ่มเป็น 1.2 ล้านตารางเมตร (ทันหุ้น)
TFD มีแผนนำ 2 บริษัทลูก เข้าซื้อขายในตลาด ในปี 58-59 /ตั้ง บล.เคที ซิมิโก้ เป็น FA บริษัท โททอล อินดัสตรี เซอร์วิส ซึ่งประกอบธุรกิจสร้างโรงงานอุตสาหกรรมให้เช่า มีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท เข้าตลาดหุ้นในปี 2558 ส่วนบริษัทลูกที่คาดว่าจะเข้าตลาดหุ้นในปี 2559 คือ บริษัท วี เอส เอส แอล บิซิเนส กรุ๊ป ซึ่งทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทนี้มีการเติบโตดี มีกำไรเติบโต และมีแผนที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ที่เขาใหญ่ ขนาดพื้นที่ 138 ไร่ จับมือSPCG ผุดโซลาร์รูฟ กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท คาดสรุปได้ภายในปีนี้ ส่งซิกกำไร 9 เดือนสนั่น รายได้ทั้งปีแตะ 4,000 ล้านบาท TFD-W2ราคาใช้สิทธิ : 5.00 บาทอัตราการใช้สิทธิ : 1:1วันหมด
อายุ : 15/05/16 (ASPEN)

เครดิต
(ห้องคุยนักลงทุน)

TOPIC : เด้งเพื่อลง ตามหาคลื่น A corrective !

TOPIC : เด้งเพื่อลง ตามหาคลื่น A corrective !
บทความผมเมื่อวานได้พูดถึงรูปแบบการเกิดรีบาวด์ซึ่งเกิดใน TF ย่อยๆ ก็จะรีบาวด์ตามการลงปกติ ส่วนโบรคเกอร์เขามองลงต่อเพราะเขามองตามแนวโน้มใหญ่ๆ ซึ่งผมก็ยังมีมุมมองว่าเด้งเพื่อลงต่อครับ เพราะ set กำลังหาคลื่น A อยู่ครับหากเด้งขึ้นไม่ถึงแนวต้าน Dow theory ก็จะยังไม่ยืนยันว่าตรงที่ทำ low วันนี้คือ คลื่น A ใหญ่แต่จะเป็นคลื่น corrective wave ซับซ้อน 5-3-5 ครับ หากเด้งขึ้นจนถึงแนวต้าน Dow theory ที่ 1565 1574 ซึ่งจะเป็นการขึ้นไปทำ wave B ก็จะบอกว่าลงทำ wave C อีกไม่มากละครับ ซึ่งเราต้องมาดูต่อว่าตอนลงมา test low จะหลุด ฐานแนวรับได้ไหมหากคลื่น C fail ตลาดจะขึ้นไป test คลื่น B อีกครั้งหากผ่านได้ก็ยกตัวตาม Dow theory และยืนยันการปรับขึ้นต่อครับ เอลเลียตนี่ก็พอดูได้ครับพอบอกแนวโน้มได้ แต่ต้องเข้าใจว่าทุกๆทฤษฎีที่เป็นลักษณะของการคาดการณ์จะมาพร้อมกับความคาดเคลื่อน แต่ทั้งนี้ผมอยากให้เราให้ความสำคัญกับรูปแบบ Dow theory จะดีกว่าครับเพราะเขาบอก รายละเอียดทั้ง major และ minor trend ซึ่ง Dow theory ก็คือต้นแบบของ เอลเลียต และก่อนหน้านี้ผมก็เคยแนะนำไว้ว่าหลุด 1565 ลง 30-40 จุด ซึ่งเป็นทฤษฎีรอบคลื่น ทั้งนี้หากมองจาก pattern ของ rsi จะเห็นว่ายังเหลือ downside พอสมควรจากบทวิเคราะห์และแนวคิดก่อนหน้านี้ที่ผมโพสลง RSI downside 24.24-20 ยังเหลือกรอบพอสมควรครับ ซึ่งการเด้งขึ้นของ set ก็เป็นปกติของการปรับตัวลง และ set มีแนวต้าน Dow theory ที่ 1574.52 ซึ่งผมก็เขียนไปเมื่อวาน หากราคาขึ้นไปชน แถวๆ 1565-1574 ได้ถือว่าดูดีขึ้นครับ เพราะมีโอกาสที่ตลาดจะขึ้นทำคลื่น major ของคลื่นปรับ corrective แต่หากเด้งแค่นิดเดียวจะยังคงมองเป็นเพียงคลื่น minor trend ซึ่งก็ยังบอกเราได้ว่ามีโอกาสลงต่อ ดังนั้นสรุปแล้วตลาดเด้งขึ้นตามการคาดการณ์แล้วก็ควรขึ้นต่ออีกครับ แล้วค่อยย่อตัวทำการ test low ตาม Dow theory หากขึ้นไปแถวๆ 1565 1574 ได้ แล้วย่อแบบนี้จะบอกเราว่าถึงลงก็ลงไม่มากละครับ โดยผมมองกรอบ 1510-1500 หากลงต่อและคลื่น C ไม่ fail แต่หากรีบาวด์แค่สั้นๆ แล้วลงเลยแบบนี้บอกได้ว่าอาจได้เห็น low ของรอบการลง corrective ที่ 1487-1450 ครับ ซึ่งมองเป็น corrective 5-3-5 ครับ

เครดิต
Nikky
(ห้องคุยนักลงทุน)

ปิดตลาดฯเช้าวันนี้ KBANK-PTT-TRUE ดันดัชนีฯ ยืนในแดนบวก

ปิดตลาดฯเช้าวันนี้ KBANK-PTT-TRUE ดันดัชนีฯ ยืนในแดนบวก
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -8 ต.ค. 57 12:31 น.
เช้าวันนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดทำการที่ระดับ 1,539.40 จุด เพิ่มขึ้น 0.01 จุด หรือ 0.00% 
มีมูลค่าการซื้อขาย 21,358.98 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่ดันดัชนีมากที่สุด 5 อันดับแรก
1.KBANK ปิดที่ระดับ 226.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อดัชนี 0.7977 จุด
2.PTT ปิดที่ระดับ 369.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อดัชนี 0.6347 จุด
3.TRUE ปิดที่ระดับ 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อดัชนี 0.5468 จุด
4.PTTGC ปิดที่ระดับ 58.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อดัชนี 0.2505 จุด
5.NPARK ปิดที่ระดับ 0.08 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อดัชนี 0.2007 จุด
หลักทรัพย์ที่กดดัชนีมากที่สุด 5 อันดับแรก
1.AOT ปิดที่ระดับ 222.00 บาท ลดลง -5.00 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -0.7936 จุด
2.CPN ปิดที่ระดับ 43.50 บาท ลดลง -1.00 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -0.4986 จุด
3.PTTEP ปิดที่ระดับ 153.50 บาท ลดลง -1.00 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -0.4411 จุด
4.BIGC ปิดที่ระดับ 218.00 บาท ลดลง -4.00 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -0.3666 จุด
5.MINT ปิดที่ระดับ 36.25 บาท ลดลง -0.75 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมีผลต่อดัชนี -0.3334 จุด


เครดิต
(ห้องคุยนักลงทุน)

BLS STRATEGY (หลักทรัพย์บัวหลวง)

BLS STRATEGY (หลักทรัพย์บัวหลวง)
Recommend: TTA (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 29.00), HMPRO (ถือ/ราคาเป้าหมาย 10.60)
ซึมลง (ต่อ)
วันนี้คาด sideways down ลงสลับ-เด้งสั้นๆ แนวรับ 1,520 จุด แนวต้าน 1,545 จุด คงกลยุทธ์กระชับพอร์ต (ควรใช้เงินจำกัดในการเก็งกำไร หรือ Wait and see)
การปรับลงแรงของดัชนีฯเมื่อวันจันทร์ ส่งผลให้แนวโน้มระยะสัปดาห์ แย่กว่าคาด ใครที่ขายกระชับพอร์ตตามคำแนะนำระยะเดือนแล้ว แนะ Wait and see / ใช้เม็ดเงินจำกัดในการเก็งกำไร คาดหุ้นไทยมีโอกาส ซิ๊กแซกลง ในช่วง 4 วันทำการที่เหลือของสัปดาห์ โดยอังคาร-พุธ คาดซึมลงต่อ ก่อนลุ้นเด้งสั้นๆ ปลายสัปดาห์
กลยุทธ์เล่นรอบระยะเดือน (ตค.) คาดช่วงครึ่งแรกของเดือน หุ้นกลุ่ม ค้าปลีก โรงพยาบาล ขนส่ง สื่อสารฯ (หุ้น Low Beta) ที่ปรับลงมาก่อนหน้า Outperform ตลาด ส่วนกลุ่ม พลังงาน ปิโตรฯ แบงก์ คาด Underperform และแนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นกลาง-เล็ก ที่มีข่าวบวกหนุน / คาดการปรับฐานรอบนี้ แนวรับ 1,530 จุด (Error 1,510/1,490 จุด)
หุ้นแนะนำKCE / ยืมหุ้นขาย Short (SBL) TOP
BLS รายงานพื้นฐานวันนี้ (ดูรายละเอียดฉบับเต็ม)
(+) HMPRO เรามีมุมมอง Neutral หลังพาโรดโชว์ต่างประเทศ โดยระยะสั้นคงแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H14 ที่คาดว่าจะชะลอลงเมื่อเทียบกับ 2Q14 และ คาดว่าผลการดำเนินงานจะค่อยๆดีขึ้นต้นปีหน้า (การฟื้นตัวทำได้ช้ากว่าที่คาด) เป็นผลจาก SSS ที่ถูกกระทบจากการเปิดสาขาในพื้นที่เดิม และ การลงทุนในมาเลเซีย และ เปิดตลาด CLMV ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
(0) กลุ่มแบงก์ ข่าว สนช.ร่าง กม.ใหม่แก้เกณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อบุคคลและ SME ขนาดเล็ก / คาดผลกระทบคือ แบงก์เล็กและแบงก์ที่เน้นสินเชื่อรายย่อย อาจจะไม่สามารถลดสัดส่วนการตั้งสำรองลง แต่อย่างไรก็ตามแบงก์ส่วนใหญ่มีสัดส่วนการตั้งสำรองสูงมากอยู่แล้ว คาดไม่กระทบแบงก์ใหญ่แต่แบงก์เล็กอาจมีผลต่อการเพิ่มการตั้งสำรองในปีหน้า
(+) TTA ประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานเราคงมุมมองเชิงบวก โดยแนะนำ ซื้อ TP 29 บาท คาดกำไร 4QFY14 (Prelim) จะเพิ่มขึ้นทั้ง y-y และ q-q โดยผู้บริหารเชื่อว่าการเข้าลงทุนในธุรกิจ Sino Grandness Food Industry Group Ltd (SGFI)(ผลไม้ และอาหารกระป๋อง) จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
หุ้นมีข่าว
(-) โรงแรม ท่องเที่ยว การท่าฯ:นายกฯ คงกฎอัยการศึก / คำแนะนำพื้นฐานเรายังชอบหุ้นโรงแรม โดยคาดว่าการคงกฎอัยการศึกจะ เป็นปัจจัยเร่งให้ ครม. ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มในอนาคต
(-) BA กำหนดราคา IPO 23-27 บาท จองซื้อ 14-17 ตค. เข้าเทรด 3 พย. / เป็นหุ้น Market cap ใหญ่อาจส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาดที่ลดลงเพื่อกันเงินไปจองหุ้น (Liquidity drain)
(-) PDI เผยเมื่อ 29 กย. ศาลตัดสินให้ PDI จะต้องจ่ายเงินชดเชย 836 ล้านบาท แก่เหยื่อสารแคดเมียม ที่ อ.แม่สอด ด้าน PDI จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป
(+) SST คาดมีดีลซื้อกิจการเพิ่ม
(+) IFEC สภาอุตสาหกรรมยื่น รมว.พลังงาน กลับไปใช้ระบบ Adder แบบเดิม และขอปรับ adder พลังงานลมขึ้นเป็น 4.5 บ.จาก 3.5 บ. สำหรับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ส่วนโรงไฟฟ้าขยะขอ adder 3.5 บ. นาน 10 ปี (จาก 7 ปี) เนื่องจาก Fleet in tariff ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง / อยู่ระหว่างรอ ผู้ถือหุ้น อนุมัติขายหุ้นเพิ่มทุน PP และ RO
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(-) ตลาดหุ้นโลกปรับลงแรง หลัง IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ก่อนจะเข้าประชุม G20 วันพรุ่งนี้ / โดยปรับลดการเติบปี 2015 ลงจาก 4% เหลือ 3.8% ส่วนปีนี้คาดโต 3.3% โดยกลุ่มประเทศพัฒนาคาดปี 2015 โต 2.3% จาก เดือน กค.คาดว่าจะโต 2.4% ส่วนตลาดเกิดใหม่คาดปี 2015 โต 5% (ปรับลงเพียงเล็กน้อย) ส่วนจีนคงคาดปี 2014-15 โต 7.4 และ 7.1% ตามลำดับ / MS มองประเด็นการขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอลงของ IMF ว่าเป็นตัวเลขที่ Laggard โดย MS คาดเศรษฐกิจโลกปี 2015 ขยายตัว 3.5% ดังนั้น MS ไม่มีแนวโน้มจะปรับลดคาดการณ์
(*) จำนวนผู้ชุมนุมประท้วงในฮ่องกงเริ่มลดลง และเมื่อวานเริ่มจัดตั้งโต๊ะเจรจา
(+) ประธาน ตลท.เผยไม่มีมาตรการคุมหุ้นร้อน เชื่อนักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นไทยปลายปี หลังจากขายไปมากก่อนหน้านี้
(0) วันพุธรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ, ประชุม EU group (Growth summit ที่มิลาน)
(+) วันพฤหัส G20 ประชุมที่วอชิงตัน, US ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ และ ยอด Wholesale inventory (สค.) คาด +0.3% จาก 0.1% m-m, รายงานการประชุม ธ.กลางอังกฤษ, สุนทรพจน์ประธาน ECB
(+) วันศุกร์ US Import price (กย.)คาด -0.6% จาก -0.9%
(-) MS ออกรายงานกลยุทธ์ระยะสั้นคาดราคาหุ้น KBANK มีแนวโน้มปรับขึ้น ส่วน BBL คาดราคาหุ้นมีแนวโน้มลง (ภายใน 30 วันข้างหน้า) และ ปรับลด น้ำหนัก BBL ลงเหลือ Underweight จาก Overweight เพราะ Total Shareholder return ต่ำเพียง 43% เทียบกับ KBANK หรือ SCB ที่ 70-60% และยังมีการเติบโต CAGR 3 ปี เพียง 8% ส่วน KBANK โต 13% MS แนะนำ Overweight KBANK และคงน้ำหนัก Equal-weight SCB TISCO KTB
(-) MS แนะ Underweight AOT ราคาเป้าหมาย 192 บ. เพราะคาด 1) ราคาหุ้นขึ้นสะท้อนช่วงเวลาแห่งการเติบโตที่ดีที่สุดไปแล้ว CAGR ปี 2003-09 โต 64% และการเติบโตจากปี 2014-18 คาด 8.5% 2) การขยายสนามบินใหม่ (สุวรรณภูมิเฟส 2) กว่าจะรับรู้รายได้คาดว่าจะเป็นปี 2018 3) แผนการลงทุนขยายสนามบินยังไม่นิ่ง คาดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเกินคาดทุก 10% จะกระทบ ราคาเป้าหมาย 1.6%
(+) MS แนะซื้อ PTT คาดจะมีการปล่อยให้ขึ้นราคา NGV และ LPG แบบต่อเนื่อง
หุ้นในกระแส
(+) กระแส M&A: SST IFEC
(+)สัปดาห์หน้าออกจาก Cash balance ACD DIMET EMC EVER GENCO SST TAKUNI

เครดิต
Nikky
(ห้องคุยนักลงทุน)

คอลัมน์ วันพุธที่ 08 ตุลาคม 2557

คอลัมน์ วันพุธที่ 08 ตุลาคม 2557 
ข่าวหุ้นธุรกิจ
*ประเด็นที่ “โมนิก้า” ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเป็นเรื่องเกมการเงินของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ และตัวแปรหลักที่ทำให้ดัชนีเป๋ไปเป๋มาอยู่ที่ กองทุนแอ๊บแบ๊ว ปอบผีฟ้า และฝรั่งตาน้ำข้าว ซึ่งแต่ละรายล้วนเล่นในสไตล์ “ซอยสั้นๆ แต่ซอยถี่ๆ” ดัชนีถึงไปไหนได้ไม่ไกล...วันก่อนกองทุนเป็นคนทุบหุ้น พอโดนด่าหนักๆ ก็กลับลำ 360 องศา เข้ามาซื้อหุ้นคนเดียวโดดๆ ไงล่ะค่ะ
*เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เป็นทฤษฎีเกม ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า นักลงทุนอยู่ฝ่ายไหนและเรื่องนี้เปรียบเทียบได้ง่ายๆ จากข่าวลืออัปมงคลเมื่อวันก่อน พอถึงวานนี้กลับไม่มีอะไรในกอไผ่ “โมนิก้า” ถึงไม่อยากให้แฟนคลับโอนอ่อนไปตามกระแสตลาด เพราะมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น และยังเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นผิดจังหวะ เพราะของมันเห็นกันชัดๆ ว่า หุ้นบลูชิพได้รับผลกระทบหนักสุดเจ้าค่ะ
*ประเด็นนี้ทำให้การอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่ 1,539.39 จุด ลบไป 3.74 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.81 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่สาระสำคัญที่แฟนคลับต้องใส่ใจ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ต้นทุนของผู้เล่นกลุ่มหลักอยู่แถวๆ 1,500-1,520 จุด ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่ทะยานสวนดัชนีไม่มีต้นทุนให้คิด เนื่องจากเขามองไปที่แวลูในอนาคตจะเป็นเช่นไร? วานนี้ถึงเห็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กขึ้นกันมาเพียบพะยะค่ะ
*แหล่มสุดๆ ต้องยกให้พระเอกตัวจริง AJD ของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า หุ้นมหานิยม! แต่ควรจะถึงเวลาขายทำกำไรเสียที หลังหุ้นขึ้นมาปิดที่ 15.20 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 690 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือว่าได้ราคาตรงตามเป้าหมายที่พรายกระซิบเม้าท์มอยด์ให้ฟังหลายรอบ แถมกิมมิคที่เล่นในรอบนี้ก็ปล่อยหมดแล้ว...เล่นต่อหรือไม่ ต้องไปคิดเป็นการบ้านเจ้าค่ะ
*อีกหนึ่งรายที่ต้องไปคิดเหมือนกันคือ มิสเตอร์ทีม TEAM จู่ๆ มีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องแบ็คดอร์ขึ้นมากะทันหัน ย่อมเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยปกติสำหรับหุ้นที่ไม่มีวอลุ่ม แถมข่าวเม้าท์ที่ซุบซิบตามซอกตึกห้องค้าออกไปในทางเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง ทำให้พรายกระซิบถึงกับตาลุกวาวเท่าไข่ห่าน พร้อมกับเสาะแสวงหาข่าวกันจ้าระหวั่น สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว จึงไม่มีคำอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 2.20 บาท บวกไป 0.21 บาท หรือขึ้นไป 10% วันนี้ถึงต้องตามไปดูว่า จะเข้าอีหรอบไหน?
*เหมือนกับในรายของอีเว่อร์ EVER ในเมื่อทุกคนลงความเห็นเหมือนกันว่า มีข่าวดีซ่อนไว้แน่ๆ ราคาหุ้นก็ควรจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ใช่ไหม “โมนิก้า” ขอตอบว่า ใช่ แต่มีข้อโต้แย้งสักเล็กน้อยว่า ระดับไหนถึงจะเป็นจุดเหมาะสม? เนื่องจากเดี๊ยนชอบอะไรที่ชัดเจน หากยังคลุมเครือแบบนี้ มันเสียววาบไปถึงท้องน้อย ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.18 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 9.66% วอลุ่มแน่นเอี้ยดแบบนี้...มันต้องมีอะไรแน่ๆ ไม่เช่นนั้นจะมีคนตะลุยซื้อไม่ยั้งเหรอค่ะ
*พูดถึงเรื่องมีอะไรขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ชอบหันไปดูหุ้นลิสซิ่งขนาดเล็กอย่าง LIT ขึ้นมาในทันที ของมันเห็นกันทนโท่เป็นการลากไปออกของ พร้อมกับใช้มุขเดิมๆ ที่เห็นจนชินตา แต่ยังมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาเล่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับนึกถึงค่า P/E ที่ระดับ 22 เท่า และค่า P/BV ที่ระดับ 3 เท่า มันเยอะเกินไปหรือเปล่า? เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในกระดานที่ระดับ 4.22 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 5.50% หรือผู้เล่นมองประเด็น “หุ้นแวลู” อันนี้ก็ต้องดูกันต่อไปว่า จะทำได้ไหม?
*เช่นเดียวกับในรายของ FPI ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 13.90 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 7.75% ด้วยมูลค่า 180 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของจังหวะเวลามันได้พอดี แรงซื้อถึงกรูเข้ามาใส่เป็นจำนวนมาก แต่ถ้ามองในมุมของแพทเทิร์นของหุ้นนานทีปีหนจะกระชากแรงสักครั้ง เดี๊ยนถือว่า จังหวะนี้เป็นการใส่ทุกอย่างหมดแม็กซ์แล้วอย่างสมบูรณ์ หลังจากนี้คือความเสี่ยงของผู้เล่นที่ต้องไปวัดดวงกันเอาเองว่า ใครจะได้ลงจากดอย ใครจะอยู่บนดอย...อิอิอิ
*ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อสะท้อนถึงความเป็นมือโปรของ บลจ.ยูโอบีฯ ภายใต้การควบคุมของคุณน้อง “วนา พูลผล” หลังเข้ามาบริหารกองทุนให้กับ “ข่าวหุ้น” ได้แค่ปีเดียว รีเทิร์น 4.75% พนักงานเลยร้องวี๊ดวิ้วกันยกใหญ่ เพราะเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมกระเทียมดอง...งานนี้ใครอยากได้มืออาชีพรายนี้ไปบริหารงานให้...กริ๊งกร๊างกันได้โดยตรงนะคะ
*สรุปสุดท้าย ทั้งหมดนี้ว่ากันด้วยมุข “หุ้นแวลู” ว่างั้นเถอะ!...ส่วนตัวไหนจะเป็นของจริง ตัวไหนจะเป็นของปลอม 1-2 วันนี้ได้รู้แน่ๆ เจ้าค่ะ

เครดิต
(ห้องคุยนักลงทุน)

TOPIC : ตามหาคลื่น CORRECTIVE

TOPIC : ตามหาคลื่น CORRECTIVE






1.) อัตราค่าสกุลเงินบาทไทยเทียบสกุลดอลล่าร์
ค่าเงินบาทไทยยังคงแนวโน้มแกว่งในกรอบ แนวต้าน 32.66 แนวรับ 32.54 การแกว่งตัวดูดีขึ้นเริ่มมีวงจำกัดในการแกว่งตัวและชะลอตัวในการอ่อนค่า ทั้งนี้ยังคงมีมุมมองว่ามีแนวโน้มจะอ่อนค่าได้เพิ่มเติม หากราคาไปสามารถปรับลงมาแข็งค่าและหลุดแนวรับที่ 32.44 ได้ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้สภาพวะกระแสเม็ดเงินต่างชาติในช่วงต้น ทั้งนี้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 32.66-32.54 ไปอีกสักระยะครับ ยังคงมีท่าทีชะลอตัวจากการรอดูการประชุม FOMC ในช่วงปลายเดือน และการขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงปัจจัยสนับสนุนในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจนจึงยังไม่ทำให้มี catalyst มากพอที่จะมีปัจจัยเสริมที่น่าสนใจในช่วงนี้ ตลาดหุ้น Hang Seng ฮ่องกงปรับตัวรีบาวด์ขึ้นมาเริ่มสร้างฐานได้แล้วถือว่าดูดีขึ้น ตลาดหุ้นโซลของเกาหลีก็ปิดเขียวได้โดยปิด +4.52 จุด ทั้งนี้ก็ยังมองมีแนวโน้มที่อาจจะมีโอกาสปรับลงได้อีกสักรอบครับ มาดูทางส่วนของกลุ่มหุ้นใน TIP บ้างจะเห็นว่า ตลาดหุ้น Jakata composite เริ่มกลับมายืนได้หลังจากปรับตัวลดลงมาก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้น PSE composite ของ ฟิลิปปินส์ ก็ยังมีท่านีชะลอการปรับตัวลงโดยเริ่มสร้างฐานได้บ้างแล้ว จะเห็นได้ว่าภาพรวมของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียยังคงอยู่ในแนวโน้มแกว่งตัวและยังมีการปรับฐานอยู่บ้างซึ่งตลาดส่วนใหญ่ในเอเชียยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideway ครับ ส่วนกลุ่ม TIP ของเราก็เริ่มดูดีขึ้นแต่ยังคงมองเป็นการเด้งรีบาวด์ของดัชนีในระยะสั้นๆ ยังไม่ได้มองว่าจะมีจังหวะในการกลับขึ้นไปทันทีทันใดครับ
2.)ดัชนี Set index แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
i ) Set index TF 15 นาที วันนี้รีบาวด์สั้นๆ และปิดวันโดยการแกว่งในกรอบที่จำกัด กราฟ 15 นาทีเกิดรูปแบบ hidden bullish divergence โดยเรามองกรอบแนวรับที่ 1534.42 และ 1532 เป็นฐานของแนวรับในระยะสั้นที่ราคามีโอกาสทดสอบแล้วสร้างฐานได้ MACD ตัดขึ้นวันนี้จึงทำให้มีแนวโน้มรีบาวด์เพียงแค่สั้นๆ ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามว่าหาก MACD ตัดเส้น signal ลงอีกรอบก็มีโอกาสที่ตลาดจะลงมาบริเวณแนวรับ 1532 หากหลุดกรอบนี้ได้มองแนวรับถัดไป 1520-1525 ครับ
ii ) Set index TF 60 นาที กราฟราคาก็ทำรูปแบบ hidden bullish divergence เช่นกันหาก MACD สามารถตัดเส้น signal ขึ้นไปได้ก็มีโอกาสที่ตลาดจะรีบาวด์อยู่ครับเพื่อกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1551/1565 ครับ RSI แกว่งตัวในกรอบ symmetrical triangle ซึ่งหากหลุดกรอบนี้ได้ก็ยังคงบอกเราได้ว่าตลาดจะลงไป test แนวรับ 1532 และ 1520 ครับ
iii ) Set index TF DAY ใน TF ระดับ DAY กราฟราคายังคงดูไม่ค่อยดีเท่าไรยังบอกถึงสภาวะการปรับฐานต่อโดยมองแนวต้านที่ 1551/1565 แนวรับ 1532.30 /1520 RSI หลุดกรอบ symmetrical triangle ไปแล้วยังคงมี Downside risk พอสมควรโดยมอง Downside จาก RSI ที่บริเวญ 24.24 ซึ่งปัจจุบัน RSI อยู่บริเวณ 31.55 ดังนั้นผมยังคงมอง Set index ยังมีโอกาสปรับตัวลงต่อครับ มองแนวรับ 1532.30 ,1520 ,1510 และ 1500 ครับ โดยมองแนวรับแถวๆกรอบนี้จะมีรีบาวก์สักรอบครับเป็นลักษณะการทำคลื่น Corrective wave ตามทฤษฎีเอลเลียต
iv ) Set 50 TF DAY ในส่วนของ Set 50 นั้นก็แกว่งตัวคลับคล้ายกันกับ Set day ทั้งนี้ยังคงมองกรอบแนวต้านที่ 1050.40 / 1039 มองแนวรับ 1028.69 และ 1012.44 ตามลำดับครับ ยังคงมีแนวโน้มที่ยังคงอยู่ในการปรับฐาน ทั้งนี้มองรูปแบบใกล้เคียงกับ Set index ว่ามีโอกาสเด้งรีบาวด์สั้นๆ ซึ่งสัญญาณรีบาวก์เกิดขึ้นใน TF เล็กระดับ 15 นาที และ 60 นาที ครับ กราฟใน TF ย่อยของ SET และ SET 50 ทำรูปแบบ Fallig wegde pattern ซึ่งมียังคงต้องจับตามองว่าหากสามารถ Break กรอบ Falling wegde ได้ก็มีโอกาสรีบาวด์ซึ่งการรีบาวด์นั้นผมยังคงมีมุมมองรีบาวด์สั้นๆ เพื่อลงต่อครับ
# สรุปแล้วแนวโน้มตลาดหุ้นเราจะเห็นว่าใน TF 15 และ TF 60 กราฟดัชนีมีแนวโน้มที่ดูดีขึ้นการปรับตัวลงเริ่มชะลอตัวทั้งนี้หากสามารถยืนสร้างฐานได้เหนือแนวรับ ก็มีโอกาสที่จะเกิดการเด้งขึ้นไปบริเวณ 1551-1574 อีกรอบครับ ซึ่งกรณีหากรีบาวด์ขึ้นไปก็ยังมองขายทำกำไรและเก็งกำไรในระยะสั้น ๆ trend ของกราฟราคายังคงอยู่ในแนวโน้มการปรับฐาน ซึ่งหากดัชนีสามารถผ่านบริเวณแนวต้าน 1574 .52 ได้ ตรงนั้นถึงจะเป็นจังหวะยืนยันของการที่ Set index ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มจะจบการปรับฐานซึ่งโดยส่วนตัวผมมีมุมมองว่า ตลาดมีโอกาสที่จะรีบาวด์แถวๆแนวรับ 1532 1520 ครับ เพื่อเป็นการทำ corrective wave เมื่อรีบาวด์แล้วก็จะต้องมีการปรับตัวลงอีกสักรอบซึ่งเป็นไปตามรูปแบบของทฤษฎี Dow theory นั่นคือ ต้อง " ยก low และ ทำ high" จึงจะเป็นสัญญาณยืนยันของการปรับตัวขึ้นต่อ ทั้งนี้ผมคาดการณ์สภาวะตลาดโดยมีเป้าหมายของการปรับตัวลงรอบนี้ที่ 1510-1500 ครับ ซึ่งเราจะต้องประเมินกันต่อไปหากรูปแบบราคาได้เกิดรูปแบบใหม่ๆที่จะบอกแนวโน้มให้เรา ดังนั้น ผมจึงยังคงมองตลาดมีโอกาสรีบาวด์เพียงแค่สั้นๆ ซึ่งเกิดจาก TF ระดับ 15 นาที และ 60 นาที แต่แนวโน้มในระยะกลางยังคงปรับฐาน ส่วนแนวโน้มในระยะยาวผมยังคงมองตลาดหุ้นไทยยังไม่เลวร้ายครับการปรับตัวลงเพียงแค่ 50-100 จุดสำหรับผมถือว่าเป็นโอกาสดีหากการปรับตัวลงนั้นไม่ได้มีปัจจัยเลวร้ายแรงระดับประเทศครับ ทั้งนี้การถือหุ้นที่มีพื้นฐานรองรับและรอจังหวะสะสมเพิ่มผมก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว ส่วนนักเก็งกำไรคุณต้องรู้ก่อนครับว่าคุณเข้ามาในตลาดเพื่ออะไรต้องการเทรดหรือลงทุน หากคุณต้องการเทรกเก็งกำไรก็ต้องจำไว้ว่าทำกำไรให้ได้มากและพยายามขาดทุนให้น้อยๆ ดังนั้นวินัยมันคือสิ่งสำคัญที่สุด อย่าเก็งกำไรเพียงชั่วขณะแล้วใช้ความโลภนำทางมากกว่าเหตุและผล เพราะไม่อย่างนั้นคุณก็จะวนๆอยู่ในวัฎจักรเดิมๆ จากที่จะเก็งกำไรก็กลับกลายมาเก็งขาดทุน สุดท้ายก็บอกว่าเราเป็นนักลงทุนระยะยาว เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับทุกคนได้ และประสบการณ์และความผิดพลาดจะเป็นตัวชี้ทางให้เราครับว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกคุณจะต้องทำอย่างไรใช้ประสบการณ์เป็นตัวชี้ทาง และหาความรู้ให้มากกว่ารับฟังแล้วไม่คิดตามครับ
# เพิ่มเติมอีกหน่อยในส่วนของค่าระวางเรือ BDI ดูดีขึ้นครับกราฟ BDI มีแนวโน้มที่จะสร้างฐานเพื่อรีบาวด์ รวมทั้ง TTA ก็ลงมาจนถึงจุดสิ้นสุดของ PATTERN และ downside แล้วดังนั้นกลุ่มเรือเทกองทั้ง TTA PSL ก็น่าสนใจแต่ทั้งนี้อยากให้รอจังหวะที่ชัดเจนก่อนอย่าผลีผลาม และค่าระวางเรือยังคงต้องรอการยกตัวของ RSI ก่อนเพื่อจะยืนยันแนวโน้มการเด้งรีบาวด์ครับ หาก RSI ยกตัวได้ค่าระวางเรือก็มีโอกาสเด้งกลับขึ้นไปและทำ pattern W shape แต่หาก RSI ไม่ยกตัวแบบนี้แนวโน้มของกลุ่มเรือก็มีโอกาสปรับตัวลงต่ออีกครั้งครับ ผมให้ความสนใจหุ้นเรือเทกองทั้ง TTA PSL ส่วนกลุ่มสื่อสารก็ดูแล้วไม่เลวร้ายอะไรมีจังหวะน่าสนใจทั้ง DTAC INTUCH และ TRUE ส่วนกลุ่มธนาคารอย่าง KBANK SCB BBL TCAP ก็ต้องรอจังหวะยืนยันครับหลังจากที่ปิดวันแล้วแท่งราคาถือว่าปิดสวย แต่ก็ยังไม่ใช่จังหวะรีบเข้าแต่อย่างใดเราคงต้องรอแท่งราคายืนยันก่อนอีกสักแท่งและมองแค่เป็นการเก็งกำไรในระยะสั้นๆครับ เพราะหุ้นกลุ่มธนาคารยังเหลือ Downside อยู่บ้างครับแต่ก็ไม่มากเท่าไรแล้วครับ

เครดิต
Nikky
(ห้องคุยนักลงทุน)

ตลาดหุ้นปรับฐานย่อยแค่นี้ หากเทรดแล้วยังร้อนใจ

     ตลาดหุ้นปรับฐานย่อยแค่นี้ หากเทรดแล้วยังร้อนใจ เห็นหุ้นลงแล้วกังวล แบบนี้ผมว่าคุณเริ่มลงทุนผิดวิธีหรืออาจจะผิดจริตละครับ ผมผ่านช่วงตลาดปรับฐานทั้งใหญ่และย่อยมาก็หลายครั้ง และผมรู้วิธีที่ต้องจัดการกับมัน ทุกๆคนรู้ว่าต้องทำยังไงหากเกิดกรณีผิดทาง ทุกๆคนต้องมีแผนสำรองแต่ไม่ยอมทำกัน มองอยากเก็บของถูก แล้วไปขายแพง ที่จริงมันคือวิธีคิดที่ถูกต้องละครับ แต่มันผิดตรงที่คุณทำมันผิดเวลา คุณใช้ความโลภเป็นตัวซื้อหุ้นและนำความโลภเข้ามาเป็นส่วนนึงของกระบวนการๆตัดสินใจในลงทุนและการเทรด หลายคนต้องเทรดหุ้นทุกวันไม่งั้นอยู่ไม่ได้ การเทรดหุ้นทุกวันหากคุณเชียวชาญและชำนาญจริงๆและคันมือต้องซื้อๆขายๆทุกวันไม่งั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ คุณต้องรู้จริงและมีความรู้ ซึ่งผมก็ไม่เก่งถึงขนาดเทรดทุกวัน แต่ผมจะเทรดในช่วงที่ผมคิดว่าผมจะสามารถทำกำไรได้ ถ้าตลาดยังให้ผลตอบแทนไม่น่าสนใจพอผมก็จะรอ หุ้นมันไม่ใช่การแข่งกันเทรด ยิ่งซื้อหุ้นบ่อยยิ่งชนะ มันไม่ใช่แบบนั้น หุ้นมันคือเกมส์ที่แข่งกับความอดทน อดทนรอจังหวะสวยๆ แล้วซื้อ ไม่ใช่อดทนถือหุ้นที่ผิดทางเพื่อหวังจะให้มันเด้งกลับขึ้นไป อย่าไปเล่นด้วยความหวัง ทุกอย่างมันต้องมีเหตุมีผล เกมส์นี้คนที่รอเป็นเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ...

เครดิต
Nikky
(ห้องคุยนักลงทุน)

TOPIC : SET INDEX TIME FRAME 15 นาที


TOPIC : SET INDEX TIME FRAME 15 นาที
แนวต้าน 1553.43/1565.94 แนวรับ 1542.61/1539.72 ในกรอบ TF ระยะสั้นยังคงมีจังหวะเด้งสั้น RSI ยกตัวทำรูปแบบ Medium bullish divergence กรอบระยะสั้นมีโอกาสที่จะรีบาวด์แต่ทั้งนี้ผมยังมองเป็นจังหวะรีบาวด์เพื่อขายออก ยังไม่ได้มองว่าตลาดจะวิ่งกลับขึ้นไปทันทีทันใดครับ หากแนวรับ 1542.61/1539.72 รับไหวดัชนีจะเด้งขึ้นไปทดสอบกรอบแนวต้านระยะสั้นที่ 1553.43 ครับ ผ่านได้มอง แนวต้านถัดไปที่ 1565.94 การเกิด divergence หากราคาสามารถเด้งขึ้นได้ไม่หลุด 1542.61 ได้ ราคาจะมีโอกาสเด้งขึ้นไปทดสอบแนวต้าน แถวๆ 1565 และ 1574 อีกสักรอบทั้งนี้ผมยังไม่มีมุมมองว่าจะผ่านได้ทันทีทันใด แต่หากพรุ่งนี้เด้งผมมองจะย่อก่อนอีกสักรอบ หากย่อแล้วไม่หลุด low เดิมที่ 1542.61 กราฟจะทำรูปแบบส่งตอ pattern เป็นรูปแบบ HEAD AND SHOULDER BOTTOM ในระยะสั้นๆ ทั้งนี้ RSI ในกราฟ 15 นาทีต้องยกตัวขึ้นอย่างสม่ำเสมอห้ามทำ low เพิ่มครับ หากเป็นไปตามรูปแบบนี้ ดัชนีจะมีแนวโน้มเด้งขึ้นไปแถวๆ บริเวณ 1588 ครับ ทั้งหมดคือ การมองในกราฟระนะสั้น แต่ตลาดยังคงอยู่ในกรอบการปรับฐาน หากพรุ่งนี้เด้งรีบาวด์เหนือแนวรับ 1542 ดังที่กล่าวมาข้างต้นได้ แต่หากกรณียังมีแรงขายเข้ามากดดัชนีลงหลุด 1542.61 ได้แบบนี้จะไม่ดีเท่าไรครับซึ่งตลาดจะปรับตัวลงต่อทำคลื่น correction โดยมองกรอบเป้าหมายแรกที่ 1532 หลุดได้เป้าหมายการปรับตัวลงถัดไปที่ 1510-1500 ครับ ทั้งนี้ในกรอบระยะกลางผมยังคงมองแนวโน้มปรับฐาน กรอบในระยะสั้นผมมองแนวโน้มรีบาวด์ ซึ่งหากรีบาวด์เราก็ต้องมองแนวต้านตามที่ผมได้กล่าวมาข้างต้นเพื่อดูลักษณะคลื่นในว่าได้ทำการ "ยก low และ ทำ high ใหม่ " หรือไม่ หากเด้งแล้วกลับลงมาหลุด 1542.61 ได้อีกก็จะลงต่อครับ
สรุปแล้วผมมองตลาดออก 2 แง่ ดังนี้
1.)ระยะสั้นๆ 1542.61 ตรงนี้น่าเด้ง ๆ ในแง่ดีคือ เด้งแล้วไม่กลับมาหลุด low เดิมที่ 1542.61 แง่ร้ายคือ เด้งแล้ววกตัวกลับลงมาหลุด 1542.61 ได้อีกครั้งก็จะกลับสู่แนวโน้มปรับฐานเดิมและยืนยันว่ายังไม่จบครับ
2.) โดนทุบต่อหลุดแนวรับ 1542.61 ไปเลยโดยไม่เด้งแบบนี้ ก็จะยังคงแนวโน้มเดิมครับโดยมองกรอบแนวรับในระยะกลางที่ 1532 1510 1500 ครับ
# ด้านค่าเงินบาท ยังคงแกว่งในกรอบแนวต้าน 32.66 บาท แนวรับ 32.53 บาทครับ ยังคงไม่มีสัญญาณยืนยันทางเทคนิคว่าจะแข็งตัววกกลับลงมา แต่แท่งราคาก็ดูดีครับทำรูปแบบ shooting star ซึ่งก็คงต้องรอแท่งราคายืนยันว่าเป็นการ reversal กลับลงมาครับ ทั้งนี้ค่าเงินบาทไทย จะดูดีกว่านี้หากปรับตัวลดลงมาหลุด แนวรับแท่งเทียนที่ 32.45 บาท เพราะหากเกิดการปรับตัวลงมาก็มีโอกาสที่จะเป็นเพียงลักษณะของการชนกรอบแนวต้านแล้วเกิดการ throw back กลับขึ้นไปได้ครับ ซึ่งเราคงต้องติดตามกันต่อไป

เครดิต
Nikky
(ห้องคุยนักลงทุน)

TOPIC : LOWER LOW -27.15 จุด

TOPIC : LOWER LOW -27.15 จุด

     วันนี้ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดเช้าโดนแรงขายทุบลงมา หลุดแนวรับรอบคลื่นที่ 1565 ไปเรียบร้อยยืนไม่ไหว ลงต่ออีก 30-40 จุด โดยมองเป้าหมายการลงลอตแรกหลังจากหลุด 1565 ที่ 1540/1532 และ 1525/1520 วันนี้ตลาดปิดวันไม่รีบาวด์ดัชนีโดนทุบตั้งแต่ช่วงเช้า vol.ตลาดกลับมาหนาตาขึ้นโดยเป็นแรงขายเข้ามา ปิดวันตลาดปิดเหนือแนวรับ 1540/1532 ทั้งนี้การปรับตัวหลุดกรอบ 1565 ลงมาได้แล้วไม่สามารถขึ้นกลับไปปิดเหนือ 1565 ได้ ก็เป็นการยืนยันการปรับฐานรอบใหญ่ๆ หากตลาดลงสัก 100 จุด คุณจะถือต่อได้ไหม ? ถ้าไม่ได้ก็ขายออกไปก่อนครับ ตอนนี้ตลาดปรับลงมาแล้วจาก high เดิมที่ 1602 ลงมาถึง 1543 ลงมารวมๆแล้วก็ 59-60 จุด จากกราฟผมใช้ RSI มองรอบของการลงโดย RSI ทำรูปแบบ symmetrical triangle โดยมีกรอบบนที่ 80.32 กรอบล่าง 45.71 โดย rage ของกรอบ symmetrical triangle กว้าง 34.61 ดังนั้น เป้าหมาย pattern ของ RSI เมื่อหลุดกรอบล่างของ สามเหลี่ยม symmetrical ที่ 58.88 ก็อยู่ที่บริเวณ 24.27 ครับ วันนี้ RSI ย่อลงมาบริเวณ 32.89 ก็ยังเหลือ Downside ที่ทีแนวโน้มปรับตัวลงต่อได้อีกครับ โดยผมมองแนวต้าน SET INDEX ที่ 1565/1550 แนวรับ 1540/1532 ครับ SET INDEX หลุดแนวรับ 1565 ได้ถือว่าเป็นการทำ lower low ตาม Dow theory บ่งบอกการปรับฐานเหมือนที่กล่าวมา และเคยกล่าวไว้ในบทความช่วงสัปดาห์แล้วว่าหากหลุด 1565 ได้มองลง 30-40 จุดก่อนในลอตแรก SET INDEX หลุด 1565 ได้ถือว่าจบการขึ้นตาม ทฤษฎีเอลเลียตเวฟ ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองดัชนีพึ่งจบคลื่น 1 ไปและยืนยันให้เราเห็นแล้วในวันนี้เพราะปิดวันหลุด 1565 และตอนนี้ดัชนีกำลังปรับตัวทำคลื่น 2 ซึ่งเป็นคลื่นขาลงหากมองตามหลักของทฤษฎีแล้ว INDEX ปรับขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคลื่นนั่นคือบริเวณ 1205 ขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดที่ 1602 โดยรวมก็ประมาณ 400 จุด ดังนั้นหาก INDEX ไม่สามารถยืนเหนือ 1540/1532 ได้ ก็มีโอกาสย่อลงมาทดสอบบริเวณ 1500 ครับ มาดูส่วนของกราฟ Weekly MACD ตัด เส้น signal ลงก็ถือว่าเป็นการยืนยันการจบคลื่น 1 ซึ่งสำหรับผมถือว่าเป็นจุดยืนยันการขายและบอกแนวโน้มการปรับฐานลงมาทดสอบแถวๆ 1532 ,1500 และ 1487 ครับ สรุปแล้วผมมองตลาดปรับฐานเรียบร้อยละครับ โดยใช้การยืนยันจาก dow theory ทฤษฎีเอลเลียตเวฟ และ การวิเคราะห์อินดิเครเตอร์ทั้ง MACD และ RSI ตลาดเป็นจังหวะลงในช่วงต้น และผมยังมองตลาดหลังปิดหลุด 1565 ได้ยังเหลือ downside risk พอสมควรครับ ทำตามวินัยและวางแผนไว้เสมอ โดยส่วนตัววันนี้ผมเหลือหุ้น 4 ตัวแล้วขายหุ้นออกไปแล้วทั้งหมด และต่อจากนี้ผมก็นั่งรอจังหวะครับ ขอย้ำอีกครั้งว่าตลาดจะยังขึ้นต่อได้จากแนวโน้มขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้เราอยู่ในแนวโน้มย่อยดังนั้นก็ต้องรอให้มันปรับฐานให้เกิด bottom และ reversal ยืนยันด้วยแท่งเทียนก่อนครับ หุ้นชุด A แดงทั้งกระดาน จะเหลือก็แต่ ptt ที่เป็นตัวนำตลาดและยังแกว่งตัวในกรอบ 375-364 วันนี้ผมก็ขาย PTT ออกไปแล้วหลังจากเก็งกำไรมาสักระยะครับ วางแผนไว้เสมอเพราะเราไม่รู้อารมณ์ตลาดการคาดการณ์มีทั้งผิดและถูก แต่เราสามารถจำกัดความเสี่ยงได้หากเรามีแผน 2 เพื่อรับมือกรณีแง่ร้ายและผิดทางครับ

เครดิต
Nikky
(ห้องคุยนักลงทุน)

เทพหุ้นทำนายSET พรุ่งนี้ลุ้นรีบาวน์ หลังวันนี้ดิ่งแรง

เทพหุ้นทำนายSET พรุ่งนี้ลุ้นรีบาวน์ หลังวันนี้ดิ่งแรง แถมคาดตลาดหุ้นตปท.เขียวช่วยหนุน
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (6 ตุลาคม 57) ---- นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า คาดภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทยวันพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวน์ทางเทคนิค หลังวันนี้ตลาดปรับตัวลดลงแรงจากแรงขาย เพราะนักลงทุนกังวลต่อปัจจัยในประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งโบรกฯประเมินว่าพรุ่งนี้มีโอกาสที่ดัชนีฯ จะรีบาวน์ เนื่องจากคาดตลาดต่างประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน อีกทั้ง ยังมีปัจจัยบวกภายในประเทศ จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ช่วยหนุนให้ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้น
ขณะที่ภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันนี้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีแรงขายออกมาจากนักลงทุนที่กังวลต่อปัจจัยลบภายในประเทศเข้ามากดดันดัชนีฯ ประกอบกับ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้นักลงทุนมีความกังวลเรื่องกระแสเงินทุนจะไหลกลับ
"คาดพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวน์ เนื่องจากวันนี้ก็ลงแรงและคาดว่าหุ้นต่างประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นและเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดเรา อีกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้ก็ดูดี ส่วนวันนี้ตลาดปรับตัวลดลงก็มาจากแรงขายทำกำไร ก็มาจากหุ้นกลุ่มใหญ่ อีกทั้ง นักลงทุนเริ่มมีความกังวลตต่อกระแสเงินทุนต่างชาติที่อาจจะไหลกลับซึ่งประเมินได้จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น"นายประกิตกล่าว
พร้อมประเมินกรอบดัชนีฯ แนวรับอยู่ที่ 1,535 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,562 จุด
ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุน แนะนำนักลงทุนเลือกเล่นหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน และหุ้นที่มีการจ่ายปันผล
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใดใหม่ ให้ติดตามประกาศตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ

เครดิต
(ห้องคุยนักลงทุน)

TOPIC : วันหยุดสุดสัปดาห์

TOPIC : วันหยุดสุดสัปดาห์
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผมเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลสอบ Final ก็เลยไม่ค่อยได้ตอบคำถามพี่ๆในแชท เท่าไรผมต้องขออภัยด้วยครับแต่วันนี้จะขอตอบและโพสในกลุ่มทีเดียวเสียเลย ส่วนแรกผมจะขอพูดถึงเรื่อง indicator และเส้นค่าเฉลี่ย พี่ๆที่อยู่ในกลุ่มกับผมมาก่อนตั้งแต่กลุ่มมีไม่กี่สิบคนก็อาจจะได้อ่านบางส่วนที่ผมเคยโพสไว้ให้ ส่วนที่สองผมจะพูดในเรื่องของการแบ่งกลุ่มหุ้นซึ่งยังมีพี่ๆหลายท่านยังสับสนและไม่เข้าใจ และส่วนสุดท้ายผมจะขอพูดในส่วนของเรื่องแง่คิดของการลงทุนครับ

ส่วนที่ 1 : INDICATOR และ MOVING AVERAGE
indicator นั้นแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะครับ โดยมี 
1.leading indicator ,2.lagging indicator, 3.sentiment indicator
1.1) leading indicator อาทิเช่น RSI, STOCHASTIC  
# leading indicator คือ ตัวชี้วัดนำในระหว่างดำเนินการพูดภาษาชาวบ้านก็ตัวนำราคาที่จะบ่งชี้แนวโน้มสัญญาณได้ไวแท่งราคา ดังนั้น leading indicator จึงมีความรวดเร็วและมีปฏิกริยาไวกว่าแท่งราคาครับ
2.1) lagging indicator อาทิเช่น MACD, เส้นค่าเฉลี่ย(MA)  
# lagging indicator คือ ตัวชี้วัดตาม ที่มีสูตรเป็นการหาค่าเฉลี่ย ดังนั้นจึงทำให้มาสัญาณแสดงช้ากว่าราคาตลาดครับแต่จะมีความแม่นยำหากเราใช้ในช่วง Time frame ที่กว้างๆเช่นระดับ weekly chart ครับ 
3.1) sentiment indicator อาทิเช่น VOLUME, ON BALANCE VOLUME 
# sentiment indicator คือ ตัวชี้วัดที่แสดงแนวโน้ม sentiment ของตลาดโดยจะบ่งชี้ลักษณะเป็นปริมาณการซื้อขาย และปริมาณการแกว่งตัวของราคาครับ
หากพี่ๆนักลงทุนจะเลือกใช้อินดิเครเตอร์ก็ควรเลือกใช้ให้เหมาะสม อย่าไปใช้ซ้ำกันเช่นใช้ RSI และ STOCHASTIC แบบนี้จะไม่ได้ครับเพราะทั้งสองตัวนี้อยู่ในกลุ่ม leading indicator ทั้งคู่เลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่งก็ได้จะได้ไม่วุ่นวายและไม่สับสนครับ ดังนั้นหากท่านนักลงทุนจะใช้อินดิเครเตอร์จำนวนที่เหมาะสมที่สุดคือ 3 ตัว กลุ่มละ 1 ตัว ท่านก็เลือกเอาเองว่าเครื่องมืออินดิเครเตอร์ใดเหมาะสมครับ โดยส่วนตัวผมจะให้ความสำคัญกับ แท่งราคา price pattern และ VOLUME มากกว่าอินดิเครเตอร์ ผมจะเลือกใช้อินดิเครเตอร์เพียง 1 ตัวที่ใช้บ่อยๆก็ RSI ครับ ส่วนกราฟ Weekly ผมมาใช้ MACD เพื่อประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความถนัดและกระบวนการวิเคราะห์ของแต่ละท่านครับ การมีอินดิเครเตอร์มากตัวเกินไปจะทำให้กระบวนการๆตัดสินใจของพี่ๆนักลงทุนช้าและอาจส่งผลให้ผิดพลาดได้ครับ indicator นั้นใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่านำไปเป็นตัวบอกซื้อหรือขายครับ ลองคิดๆหากหากพี่ๆจะสร้างบ้านหลังนึง และต้องการบ้านที่สวยและได้มาตรฐาน อย่างแรกเลยคือ พี่ต้องมีแบบบ้าน ต่อมาเมื่อมีแบบ พี่ๆก็จะพอมองรูปแบบออกมาจะออกมาเค้าโครงไหน หลังจากนั้นก็ทำการลงรายละเอียดและทำตามกระบวนการและแบบที่สร้างมา เช่นเดียวกับการจะซื้อหุ้นสักตัว พี่จะซื้อหุ้นได้อย่างไรหากไม่มีแบบและแบบมันก็คือ Pattern เมื่อเรามอง pattern ออกเราจะรู้ว่าตลาดกำลังทำอะไรกับหุ้นตัวนั้นๆ และต้องมองทั้งแง่ดีและร้าย วางแผนไว้หากเกิดการผิดพลาด สิ่งที่เราต้องทำต่อคือ การพิจารณาแท่งราคาและ vol. ว่าสอดคล้องกับแบบที่กลไกราคาตามจิตวิทยามันสร้างมาไหม หาก pattern กราฟมาแล้วแต่ แท่งราคาและ Vol. มันไม่สอดคล้องแบบนี้มีแนวโน้มว่าแบบอาจจะผิด เมื่อแบบผิดเราก็ต้องใช้แผนตั้งรับ ดังที่ผมกล่าวมาข้างต้นมองทั้งแง่ดีและร้าย เวลาจะซื้อหุ้นสักตัวให้วางแผนไว้ 2 แผน เพื่อแก้ไขกรณีที่ผิดพลาดจะได้ตั้งตัวได้และรู้ว่าเราจะจัดการกับปัญหาอย่างไร ต่อมา indicator ก็คือการลงรายละเอียด เมื่อแท่งราคาและ Vol. มาแล้วและสอดคล้องกับ pattern indicator ก็เช่นกันต้องสอดคล้องและเป็นไปตามแบบและ pattern ที่มันฟอร์มตัวมาครับ และเราก็ต้องรู้ว่า indicator แต่ละตัวนั้นเขาจัดอยู่ในกลุ่มใดและสร้างมาเพื่ออะไร ผมไม่ได้ต้องการให้พี่ๆไปรู้สูตรที่สร้างและผลิตมันขึ้นมา แต่แค่อยากให้รู้ว่าเขาสร้างมาเพื่อใช้กับกระบวนการใดครับ ต่อมาเรื่อง moving average โดยปกติที่นิยมใช้กันจะมี 2 แบบนั่นคือ
1.)Simple Moving Average ( SMA ) เป็นการให้น้ำหนักการเฉลี่ยเท่าๆกัน
2.) Exponential Moving Average ( EMA ) เป็นการให้น้ำหนักราคาค่อนมาทางเวลาใกล้ปัจจุบันมากกว่าราคาในช่วงอดีตครับ
SMA เราจะใช้ในช่วงที่ตลาดเป็นภาวะ sideway เพราะราคาแกว่งตัวและ sma จะให้ความสำคัญของราคาในทุกๆวันเท่ากันครับ
EMA เราจะใช้ในช่วงตลาดเป็น trend ขาขึ้นและขาลงชัดเจนเพราะเราต้องการให้ความสำคัญกับราคาในปัจจุบันมากกว่าราคาเฉลี่ยในอดีต
โดยปกติผมจะใช้เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน กับ 200 วัน ที่จริงแล้วการใช้เส้นค่าเฉลี่ยไม่มีอะไรตายตัวครับมันขึ้นอยู่กับกระบวนการวิเคราะห์ของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ผมจะให้ความสำคัญกับเรื่อง pattern มากกว่าและการสอดคล้องของสัญญาณ reversal และ vol.
-MA 5 วัน ไว้เป็นตัว run profit ของราคาครับหากราคายังสามารถยืนเหนือเส้น 5 วันได้ก็ถือต่อไปครับ ผมจึงใช้เป็นตัว run profit ของราคาไม่หลุด 5 วัน ผมก็ถือต่อ แต่หากเกิดสัญญาณ reversal เหนือเส้น 5 วัน แบบนี้ผมจะเริ่มพิจารณาว่าราคาหาก reversal จะมีจุดพักตัวตรงไหนและต้องวางแผนไว้ก่อนเสอมผมไม่เคยเข้าไปซื้อหุ้นโดยไม่มีแผนครับ
-MA 10-15 วัน โดยปกติ เส้น 10-15 วันนี้จะใช้เป็นตัว stop loss หากราคาถอยลงมาหลุดเส้นได้ครับ แต่ผมไม่ค่อยใช้ เพราะผมจะใช้สัญญาณ reversal เป็นจังหวะขายทกำไรครับ ระบวนการเทรดของผมจึงไม่มีเส้นค่าเฉลี่ยมากมายให้รกรุงรัง
-MA 25-35 วันจะใช้เป็นตัวดูจังหวะของการถือหุ้นในระยะกลางครับ หากราคาถอยลงมาไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ยเหล่านี้ได้ก็ยังถือต่อได้ครับ ราคาหุ้นจะแกว่งตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 35 วันสักระยะเพื่อสร้างฐานขึ้นต่อครับ แต่หากกรณีหลุดลงไปได้ก็คือการบ่งบอก trend ขาลงในระยะกลางครับ
-MA 50-90 วัน จะเป็นช่วงที่หุ้นโดยแรงขายทุบลงมากรณีหลุดเส้น 100 วันลงไปได้ก็ถือว่าเป็นช่วงขาการลงระยะเดือน ซึ่งจะเกิดรูปแบบการปรับฐานครับ
-MA 200 วัน ตัวนี้ผมจะใช้เป็นตัวบ่งชี้ตลาดและ trend ของหุ้นบางตัวที่โดนทุบมาหนัก โดยส่วนใหญ่หุ้นที่ถูกแรงขายกดลงมาจะสามารถยืนเหนือเส้น 200 วันได้เพื่อขึ้นต่อ แต่หากกรณีหลุดเส้น 200 วันได้จะเป็นช่วงการปรับตัวลงระยะยาวครับ ดังนั้นผมจึงใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้น คือ 5 วัน และ 200 วัน โดยผมใช้เหตุผลก็คือ 5 วันผมใช้ run profit ให้ราคา เส้น 200 วันผมใช้ในการดูจังหวะรีบาวด์และการทดสอบ trend ขาลงหรือขาขึ้นในระยะยาวครับ
# สรุปแล้วเส้นค่าเฉลี่ยเราจะใช้อะไรก้ได้ครับ ให้มันเหมาะสมกับตัวเราและให้สอดคล้องกับระบบและพฤติกรรมของตัวเราครับ ส่วน indicator ทั้งหลายก็เช่นเดียวกันเราต้องรู้ว่าเขาสร้างมาเพื่ออะไรและไม่ควรใช้เรื่อยเปื่อย คุณจะใส่เส้นค่าเฉลี่ยเป็น 100 เส้น ใส่ indicator 100 อันให้มันเต็มจอมันก็ไม่ได้ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จครับหากคุณไม่รู้ว่าคุณทำไปเพื่ออะไร และยิ่งมีมากตัวเกินไปก็ทำให้ระบบเทรดของคุณช้าและขัดแย้งกันครับ

ส่วนที่ 2 : การแบ่งกลุ่มหุ้น
การแบ่งกลุ่มหุ้นนั้นผมจะมี 2 รูปแบบทั้งในแบบของการลงทุนระยะยาว และการเทรดเก็งกำไรครับ พี่บางท่านถามผมว่าแบ่งไว้ทำไม ? ก็ทำให้เราเข้าใจมันมากขึ้นครับ และเราจะได้รู้ว่าเรากำลังเอาเงินไปโยนใส่หุ้นอะไรพฤติกรรมแบบไหน นิสัยยังไง และมีพื้นฐานรองรับที่น่าสนใจแค่ไหนครับ
- การลงทุนระยะยาว ผมจะแบ่งหุ้นออกเป็น 6 ลักษณะ 
1.หุ้นโตช้า 2.หุ้นโตเร็ว 3.หุ้นฟื้นตัว 4.หุ้นวัฎจักร 5.หุ้นทรัพย์สินมาก 6.หุ้นแข็งแกร่ง 
-การเทรดกราฟเก็งกำไร ผมจะแบ่งหุ้นออกเป็น 6 ชุดเช่นกัน โดยมีหุ้นชุด A B C D F
ทั้ง 2 รูปแบบนี้ผมเคยเขียนและโพสบทความไปแล้วครับ แต่ผมจะไม่เอามาเขียนไหมขอนำมาสรุปเพื่อตอบคำถามครับ ก่อนที่ผมจะเทรดหุ้นสักตัวผมจะดูก่อนว่าหุ้นตัวนั้นๆจัดอยู่ในชุดอะไร เมื่อเรารู้ว่าอยู่ในชุดอะไรแล้วก็ง่ายครับ เราจะรู้ว่าเขามีนิสัยแบบไหน พื้นฐานเลวร้ายไหม เช่นผมจะเทรดหุ้นตัวหนึ่ง ผมรู้ว่าหุ้นตัวนี้จัดอยู่ในหุ้นชุด A นั่นคือหุ้นที่ต้องอาศัย fund flow ของตลาดและเม็ดเงินต่างชาติ ผมก็รู้ว่าผมต้องไปสังเกตอะไรบ้าง ทั้งค่าเงินบาท ทั้งต้องไปดูตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ทั้งต้องดูลักษณะการเปิดสัญญาใน future และต้องพิจารณาการไหลของเม็ดเงินทั้งในตลาดกลุ่มเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ครับ นั่นคือสิ่งที่การแบ่งชุดหุ้นบอกว่าเราต้องทำอะไรบ้าง มันทำให้ง่ายขึ้นครับผมถึงต้องแบ่งกลุ่มมันไว้ ส่วนการลงทุนระยะยาวก็เช่นเดียวกันเราจะลงทุนเอาเงินไปให้เขาได้อย่างไรหากเราไม่รู้ว่าหุ้นตัวนั้นๆ มีลักษณะแบบใด โตช้า โตเร็ว หรือหุ้นที่กำลังฟื้นตัว เมื่อเรานำทั้ง 2 รูปแบบนี้ทั้งการแบ่งกลุ่มแบบระยะยาว และการแบ่งกลุ่มสำหรับการเทรดเก็งกำไร เราจะมีข้อมูลที่มากขึ้นครับ โดยที่ไม่ต้องไปหาอ่านอะไรเลยเพราะ ทุกๆไตรมาสเราต้องมานั่งพิจารณาว่าหุ้นตัวนี้มีผลกำไรออกมาดีหรือแย่ และเหมาะสมที่จะขึ้นไปเป็นหุ้นชุด B ไหม หรือหุ้นตัวนี้ผลกำไรและพื้นฐานเปลี่ยนต้องลดระดับลงไปเป็นหุ้นชุด C D แทน การแบ่งกลุ่มทั้ง 2 รูปแบบนี้แหละครับทำให้การลงทุนและการเทรดของเรามันง่ายขึ้น เพราะเราจะมีข้อมูลทั้งในแง่ Value investor และ Technical analysis ทั้ง 2 แบบจะสอดคล้องกัน ปัญหาคือ คุณขยันที่จะทำมากแค่ไหน และนั่นคือ ข้อได้เปรียบของคนที่ตั้งมั่นและขยันฝึกฝนครับ

ส่วนที่ 3 : แง่คิดในการลงทุน
แง่คิดนั้นผมก็พูดและพยายามสร้างแรงบันดาลใจมาตลอดโดยผ่านตัวอักษรและโพสบทความ แง่คิดในวันนี้ผมจะไม่ขอพูดอะไรมาก เพียงแต่อยากขอให้ก่อนที่พี่ๆทุกท่านจะลงทุน หรือจะเทรดหุ้นสักตัว คิดสักนิดครับว่าเราทำไปเพื่ออะไร ? เพื่อแข่งคนอื่น เพื่อเลี้ยงตัวเอง เพื่อเลี้ยงครอบครัว เพื่อนำความรู้ที่มีและประสบการณ์ส่งต่อให้รู้ หรือทำเพื่ออะไร ? ย้ำคิดและหมั่นเตือนตัวเองเสมอ ตลาดหุ้นคือที่ๆเราเข้ามาสร้างฐานะให้ตัวเราเอง เราเข้ามาเพื่อเงิน และเมื่อมีเงินมันก็ต้องมีความโลภ ความโลภมันมีอยู่ในตัวเราทุกๆคน เมื่อเราตัดมันออกไปไม่ได้ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน พยายามใช้เหตุและผลมากกว่าวความโลภเพียงครั้งคราว ก่อนจะลงทุนวางแผนไว้เสมออย่าเชื่อใครมากกว่าตัวเราเอง เราผิดเพราะเราคิดแล้วมันผิด มันยังดีกว่า เราผิดโดยที่เราไม่ได้คิดอะไรเลย การผิดเพราะเราคิดถี่ถ้วนแล้วนั้น แสดงว่าเราพยายามพัฒนาตัวเองแต่แค่ผลมันออกมาผิด เราก็ไปแก้ไขจุดที่ผิด อุดรอยรั่วนั่นแล้วเริ่มใหม่ แต่หากผิดเพราะไม่ได้คิดเลยเอาแต่ฟังๆแล้วไม่คิด ให้ความสำคัญกับมืออาชีพมากกว่าตนเอง แบบนี้มันไม่น่าให้อภัยครับ "คิดแล้วผิด มันดีกว่า ไม่คิดแล้วผิดครับ" จงเตือนตัวเองเสมออย่าดูถูกความสามารและศักยภาพในตัวตนของเรา จะอายุเท่าไรมันไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ คุณกล้าที่จะคิด คุณกล้าที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดหรือไม่ ทุกวันนี้ผมก็ผิดแต่ผิดน้อยลง ผมไม่ได้เทรดชนะ 100 % เพราะโลกนี้ไม่มีอะไร 100 % แม้แต่ทองคำมันสิ่งที่มีค่าที่ใครก็ต้องการมันยังไม่ 100 % คิดก่อนและวางแผนเสมอ มองทั้งแง่ดีและร้าย แล้วคุณจะได้ระบบเทรดที่ประสบความสำเร็จครับ ร่ำรวยๆ และประสบความสำเร็จทุกๆคนครับ
ด้วยรักและห่วงใย

เครดิต
Nikky
(ห้องคุยนักลงทุน)