"HOW TO MAKE MONEY IN STOCKS"

"HOW TO MAKE MONEY IN STOCKS"
นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่เคยผ่านด่านแรกได้เลยเพราะพวกเขาไม่ใช้หลักเกณฑ์ที่ดีในการคัดสรรหุ้น พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรที่ควรต้องมองหาเพื่อที่จะได้พบกับหุ้นที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงซื้อแต่หุ้นปลายแถวประเภท"ไม่มีอะไรควรค่าที่จะเอ่ยถึง" ซึ่งจะทำผลงานในตลาดได้ไม่ดีและไม่ใช่ผู้นำตลาดอย่างแท้จริง นิสัยการลงทุนของคนส่วนใหญ่ที่แย่ไปกว่าการซื้อหุ้นที่ไม่มีค่าควรเอ่ยถึงอีกก็คือ การขยันถัวขาลง หากคุณซื้อหุ้นที่ 40 บาท ต่อมาคุณไปถัวขาลงซื้อเพิ่มที่ 30 บาท คุณจะได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ 35 คุณกำลังจะทำให้การขาดทุนของคุณมันยิ่งแย่ลงไปอีก ด้วยการเอาแต่ใส่เงินที่ดีไปตามหลังเงินที่แย่ กลยุทธ์แบบมือสมัครเล่นแบบนี้จะส่งผลกระทบให้คุณมีโอกาสขาดทุนอย่างหนัก และไม่นานมันจะลดระดับคุณไปสู่กลุ่มพวกผู้แพ้อย่างยับเยิน
นักเก็งกำไรมือใหม่เกือบทุกคนมองตลาดหุ้นว่าง่าย บางคนมีอีโก้หน่อยก็คิดว่าตัวเองแน่ เชื่อเถอว่าถึงแม้คุณจะสำเร็จในหน้าที่การงานบางครั้งหากคุณผันตัวเดินเข้ามาในตลาดหุ้นจากที่คุณเป็นผู้ชนะมาตลอดคุณอาจจะเป็นผู้แพ้อย่างยับเยิน นักเก็งกำไรมือใหม่ต้องการที่จะทำกำไรมหาศาลจากการเทรดแบบง่ายๆ พวกเขาต้องการมากเกินไป เร็วเกินไป โดยไม่ได้มีศึกษาและการเตรียมตัวมาก่อนเลย ไม่มีแม้ปรัชญา ไม่มีแม้แต่แนวทาง พวกเขากำลังมองหาวิธีที่ง่าย ที่จะทำเงินก้อนโตโดยไม่ลงทุนเวลาและความพยายามอย่างแท้จริงเพื่อที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ...
ที่สำคัญคือ นักลงทุนส่วนมากไม่สามารถที่จะหาข้อมูลและคำแนะนำที่ดีได้ หลายๆคนเมื่อพวกเขาได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องมา ก็มักจะไม่ตระหนักหรือทำตามสิ่งที่ได้รับ เพื่อนๆทั่วไป โบรกเกอร์ หรือผู้ให้คำแนะนำด้านการลงทุนสามารถที่จะเป็นแหล่งของคำแนะนำที่จะทำให้คุณขาดทุนได้ มันมักจะมีส่วนน้อยมากๆของเพื่อนของคุณ โบรกเกอร์ หรือแม้แต่ผู้ให้คำปรึกษาทางการลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากการเทรดในตลาด อย่ามั่นใจและให้ความสำคัญกับบุคคลเหล่านี้มากเกินไป บางทีเขาก็อาจจะไม่ได้ก่งกว่าคุณเลยด้วยซ้ำไป นักลงทุนที่ยังขาดทักษะมักจะดึงดันถือสถานะขาดทุนของพวกเขาเอาไว้ ในช่วงที่การขาดทุนยังไม่มากและยังพอรับไหวอยู่ พวกเขาสามารถที่จะออกมาได้โดยที่อาจจะขาดทุนไม่มากนัก แต่ด้วยความที่มีอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลพวกเขาจะเฝ้ารอและเอาแต่คาดหวังว่าราคามันจะกลับขึ้นมาอีกครั้ง เฝ้ารอไปจนกระทั่งพวกเขาขาดทุนมากขึ้นๆเรื่อยๆ และเมื่อพวกเขารู้ตัวว่าต้องหนีออกมาเสียที่พวกเขาก็พึ่งจะรู้ตัวว่าพวกเขาจ่ายแพงไปเสียแล้ว

เครดิต
Niik Agapol Chamnanpanich‎
(ห้องคุยนักลงทุน)

แนวโน้มดัชนี SET INDEX 2/12/57

แนวโน้มดัชนี SET INDEX 2/12/57 



ตลาดยังคงแกว่งตัวในกรอบแนวต้าน Dow theory ที่ 1602/1600 แนวรับที่ 1585/1580 ภาพตลาดยังคงแกว่งในในแนวโน้ม side way หลังจากโดนกลุ่มพลังงานกดดัน index ลงมาแต่ก็บวกลบไม่มากนักเพราะ ยังคงมีหุ้นบางกลุ่มที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแล index แทนหลังจากกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงไป เช่น ค่าปลีก บันเทิง และธนาคาร ดังนั้นแนวโน้ม index ก็ยังคงมีแนวโน้มที่แกว่งตัวในระยะสั้น ขึ้นไม่มากลงไม่มากครับ กลยุทธ์ในการลงทุนผมยังคงถือหุ้นบลูชิบขนาดใหญ่ไว้หลายตัวทั้ง SCC SCB BBL PTTGC KBANK ซึ่งโดยส่วนตัวผมยังคงมองเป็นลักษณะของการ run profit's trend หุ้นที่ผมให้ความสนใจถัดมาคือ กลุ่มสายการบินทั้ง NOK AAV BA THAI AOT ซึ่งมองในแง่ของการ trading โดยมอง NOK AAV เป็นลักษณะของการหาจังหวะเก็บสะสมโดยมอง NOK แนวต้าน 13.6 แนวรับ 12.6/11.7 AAV แนวต้าน 4.8 แนวรับ 4.5 BA แนวต้าน 22.4 แนวรับ 21.5 ซึ่งได้ประโยชน์จากการปรับตัวลงของน้ำมันครับ

กลุ่มพลังงานอย่าง PTT PTTEP PTTGC ก็เริ่มยืนสร้างฐานได้มองเป็นจังหวะ trading ที่น่าสนใจครับ โดยกลยุทธ์โดยส่วนตัวของผมหลังจากขาย PTT ไปในวันที่ 26 ก็มองรอบใหม่ของ PTT บริเวณ 360 ครับ เป็นจุดที่น่าสนใจ PTTEP ใครที่ถามผมเข้ามาผมก็แนะนำ 135-130 เป็นจังหวะที่น่าสนใจที่จะเทรดในจังหวะรีบาวด์ ซึ่งแน่นอนว่าขึ้นไปแล้วบริเวณ 135-140 อาจจะมีย่อตัวอีกครั้งครับ ส่วน PTTGC ผมก็ถือมาตลอดตั้งแต่ 58-60 ก็ยังคงมองเป็นการสะสมและ Run profit's ไปเรื่อยๆครับ หุ้นปริโตรที่น่าสนใจก็มี IVL ที่ทำรูปแบบ ยกตัวได้โดยมองแนวต้าน 24 แนวรับ 22.3 หุ้นที่ทำรูปแบบตามระบบเทรดผมก็มีหลายตัวแต่ที่น่าสนใจก็คือ BA ซึ่งผมก็สะสมบริเวณ 19.9-19.8 มาเรื่อยๆ และ JMART ที่ถือว่าทำผมงานได้ดีครับ ที่ผมถือมาตั้งแต่ 10.6 ครับ

การทำกำไรนั้นมันก็ไม่ยากครับหากคุณเข้าใจในตลาดหากใครที่บอกคุณว่าไม่ต้องไปสนใจตัวดัชนีหรอก ผมนั้นมีความเห็นขัดแย้งโดยสิ้นเชิง ผมมักพูดเสมอว่าการเทรดที่ดีคือคุณต้องรู้ว่าตลาดจะทำอะไร แล้วค่อยมาวางกลยุทธ์ในหุ้นรายตัว "หากจะไปล่าเสือแต่ไม่รู้สภาพป่ามันก็เหมือนคนงี่เง่าที่เดินไปเป็นอาหารให้เสือกิน จากผุ้ล่าจะกลายเป็นโดนล่าแทน"


เครดิต
Niik Agapol Chamnanpanich‎
(ห้องคุยนักลงทุน)