‘เสี่ยตึ๋ง’เร่งปิดดีลLHBANK

‘เสี่ยตึ๋ง’เร่งปิดดีลLHBANK

ข่าวหุ้น

ผู้ถือหุ้นใหญ่แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป หรือ LHBANK เตรียมขออนุมัติแบงก์ชาติ-คลังขายหุ้นให้ต่างชาติ ภายในปลายปีนี้ ราคาเจรจาระหว่าง 2-2.5 เท่าของบุ๊คแวลู ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 โต 37% เมื่อเทียบกับปีก่อน

แหล่งข่าวจากที่ปรึกษาทางการเงิน เผยว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป หรือ LHBANK เตรียมขออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง เพื่อขายหุ้นให้กับพันธมิตรรายใหม่ภายในปลายปีนี้

“ตอนนี้บริษัทกำลังเร่งปิดดีลการขายหุ้นอยู่ในขณะนี้ หลังจากที่ชะลอการเจรจามาได้ระยะหนึ่ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล”แหล่งข่าว กล่าว

สำหรับพันธมิตรที่เจรจาขณะนี้มีอยู่ประมาณ 3-4 แห่ง เป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่จากประเทศมาเลเซีย จีน และญี่ปุ่น ซึ่งต้องการเข้ามาใช้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ LHBANK เองก็ต้องการพันธมิตรเพื่อขึ้นเป็นท็อป 3 ของกลุ่มสถาบันการเงิน

ส่วนราคาที่เจรจากันอยู่ระหว่าง 2.0-2.50 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (1.19 บาท) ของ LHBANK หรือประมาณ 2.38-2.97 บาท ซึ่งเป็นราคาพรีเมียมใกล้เคียงกับราคาขายหุ้นไทยธนาคารที่เป็นแบงก์ขนาดเล็ก ขณะที่ก่อนหน้านี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ระบุว่าสาเหตุที่ขาย LHBANK เพราะต้องการเติบโตเป็นแบงก์ขนาดใหญ่ติดอันดับ 1-3 แต่ปัจจุบันธนาคารมีสินทรัพย์ประมาณกว่า 1 แสนล้านบาท

เมื่อเทียบกับแบงก์ใหญ่ที่มีสินทรัพย์ประมาณ 2-3 ล้านล้านบาท ถือว่ายังห่างกันมาก ดังนั้นจึงต้องหาพันธมิตรใหม่เข้ามาเสริม

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า LHBANK อยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อให้ทัดเทียมกับธนาคารขนาดกลาง ซึ่งในปัจจุบันจำนวนสาขาและการปรับเปลี่ยนสัดส่วนสินเชื่อเริ่มขึ้นมาใกล้เคียง พร้อมประกาศชัดเจนเกี่ยวกับความต้องการพันธมิตรเพื่อมาช่วยหนุนธุรกิจธนาคารในด้านอื่นๆ ในระหว่างนี้อาจมีประเด็น M&A ที่พอหนุนราคาหุ้นได้

ทั้งนี้คาดว่า LHBANK จะมีกำไรสุทธิใน 3Q14 อยู่ที่ 228 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 37%Y-Y โดยคาด 1.การลงทุนในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นซึ่งส่งผลดีต่อกลยุทธ์ของธนาคารที่จะเน้นลูกค้าในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจ 2.คาดต้นทุนเงินฝากลดลงจากไตรมาสก่อนราว 0.02-0.05% ภายหลังธนาคารเร่งเพิ่มจำนวนเงินฝากในกลุ่ม

ในปี 2015 ประมาณการกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1087 ล้านบาท หรือ +13.4% จากปี 2014 โดยคาดว่าสินเชื่อ 15% Y-Y, Credit Cost ที่ 0.50%, NIM ที่ 2.10%, และ Cost to income ratio ที่ 51% ผู้บริหารกล่าวว่า ทิศทางธุรกิจในอีกสองถึงสามปีข้างหน้าจะตั้งเป้าไปที่การเพิ่ม Net Interest Margin ให้มากขึ้น โดยการเร่งขยายตัวสินเชื่อจำพวก SME และ Retail ในปีต่อไป

ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่ใน LHBANK ได้แก่ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ที่ถืออยู่ 4,340,567,920 หุ้น คิดเป็น 34.12% QH ถือหุ้นอยู่ 2,725,472,880 หุ้น คิดเป็น 21.43% และ น.ส.เพียงใจ หาญพาณิชย์ ถืออยู่ 2,104,605,029 หุ้น คิดเป็น 16.55%

เครดิต
Thanya Kaew
(ห้องคุยนักลงทุน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น