หลักของการลงทุนในธุรกิจหรือซื้อหุ้นเน้นคุณค่านั้น...

     ในหลักของการลงทุนในธุรกิจหรือซื้อหุ้นเน้นคุณค่านั้น เราย่อมหวังผลในตัวกิจการซึ่งราคาย่อมสะท้อนจากผลกำไรที่บริษทัสามารถขายสินค้าและบริการได้ จากที่ผมลงทุนในตลาดหุ้นมา 7 ปี ก็ย่อมเจอทั้งบริษัทที่ดีให้ผลตอบแทนที่ดี และบริษัทที่ไม่ดีและมีหนี้สินมากมาย บริษัทที่ดีหากถามใครๆก็บอกว่ามันดี ดีเหลือเกินซื้อไปเถอะ นั้นก็เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บอกว่าคุณซื้อหุ้นแพงถึงแม้บริษัทจะดีมากแค่ไหนก็ตาม อาทิเช่น หุ้นขนาดใหญ่ไม่มีใครเถียงหรอกครับว่าหุ้น ADVANC ผู้ให้บริการระบบเครือข่ายอย่าง AIS นั้นห่วยแตก เช่นเดียวกันหุ้น PTT บริษัทที่มีรากฐานจากกิจการพลังงานมันก็ไม่ใช่บริษัทห่วยแตก แต่หุ้นทั้ง 2 ตัวนี้คือหุ้นที่ทุกคนรักรู้ไปหมดแล้ว ลองไปถามคนไม่เล่นหุ้นเขายังตอบคุณได้เลยว่า PTT ADVANC KBANK หุ้นเหล่านี้คือผู้นำ และที่สำคัญที่มีคนรับรู้ตลาดรู้จักแล้วมันย่อมเป็นหุ้นที่โตช้า มันจะเติบโตได้แต่ก็เติบโตไปอย่างช้าๆ หรือบางทีก็ไม่เติบโตเล็กน้อย นั่นคือมันไม่เหมาะที่จะเป็นหุ้นที่จะลงทุนระยะยาวอีกต่อไปแล้วหากเป็นเมื่อ 10-20 ปีแล้วผมก็คงจะชอบหุ้นแบบนี้แต่ตอนนี้หุ้นเหล่านี้มีไว้เพื่อเก็งกำไร รวมถึงหุ้นเหล่านี้อาศัยกระแสเม็ดเงินจาก Fund flow ดังนั้นหากจะถามถึงมุมมองระยะยาวๆ ผมจะตอบว่ามันคือบริษัทดีที่มีความแข็งแกร่งในแง่ของกิจการ แต่มันเป็นผู้ชนะที่ทุกคนรับรู้กันหมดแล้ว มันอาจจะเติบโตได้แต่สำหรับผม มันไม่มีความคุ้มค่าใดๆหากผมจะยอมเสียเวลาสัก 10 ปี เพื่อถือหุ้นเหล่านี้ผมมีความคิดเห็นว่าการเทรดเก็งกำไรในหุ้นเหล่านี้มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากกว่า ผมทำกำไรในหุ้นลักษณะนี้ต่อปีโดยประมาณจะได้ผลตอบแทนจากการเทรดที่ 1-2 ล้านบาท ดังนั้นหุ้นเหล่านี้คือหุ้นที่สร้างพอร์ตเก็งกำไรให้ผมหากเรารู้วิธีเล่น เราก็มีโอกาสได้กำไรมากกว่าขาดทุนครับ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือในตลาดหุ้นจะมีหุ้นที่บริษัทดีแต่งบกำไรดีแต่ขาดสภาพคล่องในเงินสด แบบนี้ก็เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวพอตอนจบก็ตกม้าตาย ที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่ถือได้ว่าเป็นดาวรุ่ง แต่สุดท้ายกลับเป็นรุ่งริ่ง เพราะ บริษัทขยายตัวเร็วเกินไปและเงินสดหมุนเวียนน้อย สุดท้ายแล้วมันก้เหมือน คุณขับ benz e-class แต่น้ำมันหมดกลางทาง สุดท้ายหุ้นเหล่านี้ก็ผันตัวกลับกลายมาเป็นหุ้นที่มีปัญหา แล้วก็จะจบลงที่กลายเป็นหุ้นปั่นทำราคา หากคุณไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่ากิจการที่สนใจนั้นในอนาคตจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยๆเราก็สามารถที่จะมองหาว่าบริษัทนั้นๆมีแผนดำเนินงานอย่างไรในอนาคตที่จะหาวิธีการเพิ่มกำไร ซึ่งเราก็ต้องติดตามนโยบายและแผนงานนั้นๆ อย่างเป็นระยะๆครับ ส่วนใหญ่จากประสบการณ์ผมจะเห็นวิธีการที่บริษัทจะเพิ่มกำไรได้นั้นจะมีอยู่ 6 วิธีการดังนี้

1.ขยายตัวเข้าสู่ตลาดใหม่
2.ขายสินค้าให้มากขึ้นในกลุ่มลูกค้าและตลาดเดิม
3.ลดต้นทุน
4.ขึ้นราคาสินค้า
5.ขายกิจการที่ขาดทุนทิ้งไปหรือฟื้นฟูให้มันดีขึ้น
6.เปลี่ยนรูปแบบกิจการไปทำกิจการที่มีอนาคตกว่า
ดังนั้นหากบริษัทจะเพิ่มกำไรหรือแก้ไขปัญหาภายในก็จะต้องมีแผนงานดังที่ผมกล่าวมาในมือครับหุ้นหลายตัวเปลี่ยนกิจการไปทำรูปแบบใหม่แล้วดีขึ้นเช่น ifec และนั่นก็คือสาเหตุที่ผมซื้อมันตอนราคา 3-3.5 บาท เมื่อมีแผนงานที่ดีมี trend ที่น่าสนใจสิ่งทีน่าสนใจต่อมาคือ กราฟราคามันดีไหม ผมจะมองกราฟไว้หลังสุดหากผมต้องการจะถือหุ้นสักตัวเพื่อหวังการทำกำไรหลายๆเด้ง เพราะกราฟ ฟอร์มตัวทำ W shape ใหญ่และยกตัวทำ dow theory ได้ซึ่งจากการให้ความสนใจใน ifec นี่เองที่ทำให้ผมได้ให้ความสนใจกับหุ้นตัวต่อมานั่นคือหุ้น ea หรือหุ้น s ในปัจจุบันที่ผมทยอยสะสมตั้งแต่ 1 - 2 บาท สิ่งที่จะทำให้บริษัทเติบโตได้คือ ผลกำไร หลายครั้งราคาหุ้นนำผลกำไรของกิจการ เพราะคนให้ความนิยมมากเกินไป สุดท้ายแล้วราคาหุ้นมันย่อมกลับมาสะท้อนตามผลงานของกิจการ เช่นเดียวกัน หากบริษัทจะอยู่ได้บริษัทนั้นก็ต้องมีเงินสดที่หมุนเวียนที่ดีที่พอจะดูแลการขับเคลื่อนผลกำไรของกิจการครับ...

เครดิต
Nikky
(ห้องคุยนักลงทุน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น