รายงานพิเศษ วันพุธที่ 10 กันยายน 2557
สัญญาณการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจมีความชัดเจนขึ้น ผลบวกที่ตามมา คือตลาดหุ้นไทยมีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ดูได้จากดัชนี SET เดินหน้าขึ้นอย่างช้าๆ จากเดิมอยู่ที่ 1,502.39 จุด ปรับตัวปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 1,561.63 จุด เพิ่มขึ้น 59.24 จุด หรือ 3.95% อาจเป็นระดับที่ดูว่ายังน้อยอยู่ แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่ได้รับประโยชน์มากกว่าที่เห็น และในขณะเดียวกันก็มีหุ้นที่ได้รับผลกระทบทางลบบางตัว
ในภาวการณ์เช่นนี้ จึงมีทั้งหุ้นดีหลายตัวให้เลือกลงทุน และมีหุ้นร้อนจำนวนไม่น้อยที่นักลงทุนควรจะหลีกเลี่ยงการลงทุน รวมถึงหุ้นที่ปรับตัวลดลง มาเสนอเป็น "หุ้นเด่นหุ้นดับ" เพื่อให้นักลงทุนพิจารณาหาหุ้นที่น่าลงทุนและหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุนในปัจจุบัน
สำหรับในเดือนสิงหาคม 2557 “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้น และปรับตัวลง ในกลุ่ม SET และกลุ่ม mai เพื่อประมวลภาพให้นักลงทุนรู้ว่า หุ้นตัวไหนน่าลงทุนเป็นพิเศษ และหุ้นตัวไหนต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน ซึ่งในที่นี้ได้มีการนำเสนอหุ้นใน SET ที่ปรับตัวขึ้นมากสุด และลงมากสุด 30 ตัวแรก พร้อมกันนี้ได้นำเสนอหุ้นในตลาด mai ที่ปรับตัวขึ้นมากสุด และลงมากสุด 15 ตัวแรกควบคู่กันไปด้วย
ข้อมูลที่ปรากฏเป็นเพียงการเทียบเคียงด้านเดียวเท่านั้น ไม่ได้บ่งบอกถึงราคาหุ้น ณ ตอนนั้นว่า แพงเกินพื้นฐาน หรือถูกกว่าพื้นฐานแต่อย่างใด เพราะเป็นแค่การหยิบความเคลื่อนไหวของหุ้นมาอธิบายให้นักลงทุนได้รับทราบ
ข้อมูลในตาราง จะเห็นว่า มีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเกิน 50% จำนวน 6 บริษัท คือ AFC, VNG, VIH, RCL, PERM และ EPCO หุ้นดังกล่าว สอดคล้องไปกับบริษัทที่มีผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบางบริษัทมีการเทิร์นอะราวด์ นอกจากนี้ นักลงทุนกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ราคาต่ำ แทนหุ้นขนาดใหญ่ โดยส่วนนี้เป็นแรงกระตุ้นให้มีการเก็งกำไรกลับเข้ามาค่อนข้างสูง
เมื่อมีหุ้นที่ขึ้นแรง ก็ย่อมมีหุ้นที่ร่วงแรงแทรกอยู่ด้วยเป็นเรื่องปกติ จากตาราง จะเห็นได้ว่า หุ้นที่ปรับตัวลงแรงเกิน 10% มีอยู่ด้วยกัน 13 บริษัท คือ ABC, IEC, F&D, RPC, AS, HFT, BJC, JAS, N-PARK, AMARIN, WIN, SSI และ TPOLY หุ้นเหล่านี้ มีเหตุผลอันเหมาะสม เพราะราคาที่ลดลง สะท้อนผลประกอบการที่ย่ำแย่สอดคล้องกัน บางบริษัทแม้จะมีกำไร แต่ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บางบริษัทเคยมีกำไรแต่กลับขาดทุน หรือ บางบริษัทขาดทุนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาหุ้น 10 อันดับที่ปรับตัวขึ้นมากสุดในตลาด mai พบว่า นักลงทุนให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งดูได้จากราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงเกิน 50% มีทั้งหมด 7 บริษัท คือ ADAM, DIMET, CHOW, AJP, AUCT, ECF และ AIRA การที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับการที่นักลงทุนสนใจเข้ามาไล่เก็บหุ้นขนาดเล็ก เนื่องจากบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น ประกอบกับพลิกมามีกำไร
ส่วนหุ้นที่ปรับตัวลงมากสุด 10 อันดับในตลาด mai พบว่า อันดับที่ปรับตัวลดลงเกินกว่า 5% มีอยู่ 4 บริษัท คือ SLC, TIES, TMC, และ VTE ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ผลประกอบการขาดทุน รวมถึงบริษัทไม่มีสภาพคล่อง จึงทำให้นักลงทุนไม่ให้ความสนใจในหุ้นกลุ่มดังกล่าว
ข้อมูลที่ยกมาทั้งราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นแรงและลงแรงจนติดอันดับนี้ น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในช่วงเดือนต่อไป
เครดิต
Thanya Kaew
(ห้องคุยนักลงทุน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น