ผมแบ่งหุ้นออกเป็น 5 กลุ่ม

กลุ่ม a b c d f
หุ้นกลุ่ม a คือหุ้นที่มีลักษณะใหญ่และมีสภาพคล่องสูงเป็นหุ้นที่ต่างชาติมักเข้ามาลงทุน เช่น advanc ptt top scc scb kbank bbl pttep pttgc หุ้นกลุ่มนี้จะมีสภาพคล่องสูงและจะมีราคานำตลาดมีลักษณะคล้ายคลึงกับ set index ส่วนใหญ่บางคนดอยหุ้นกลุ่มนี้มักติดไม่นานเพราะสภาพคล่องสูงปกติอย่างมากก็ 6 เดือนบางคนถือไว้เพื่อกินปันผลรอขายเมื่อต่างชาติกลับมาซื้อ

กลุ่ม b คือหุ้นที่มีลักษณะเป็นอันดับหนึ่งของแต่ละอุตสาหกรรมเช่น โรงพยาบาลก็ bgh ท่องเที่ยวก็ aot thai อาหารส่งออกก็ cpf tuf หุ้นกลุ่มนี้จะมีลักษณะที่มีผู้บริหารเก่ง และการบริหารงานได้กำไรเพิ่มขึ้นทุกปีมีหนี้สินน้อยเมื่อเทียบกับสินทรัพย์

กลุ่ม c คือหุ้นที่เป็นอันดับ 2 3 4 ของแต่ละอุตสาหกรรมเช่น thcom centel bts bigc cpn siri tasco true หุ้นกลุ่มนี้จะได้กำไรบ้างขาดทุนบ้างบางไตรมาส กำไรไม่แน่นอนผลประกอบการไม่ได้เพิ่มขึ้นทุกปี มีสภาพคล่องปานกลาง เมื่อวงจรธุรกิจอยู่ในลักษณะขาลงหุ้นกลุ่มนี้จะมีราคาลงแรงกว่ากลุ่ม b เพราะมีปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนกว่า

กลุ่ม d คือหุ้นที่มีลักษณะเล็ก งบการเงินไม่สวยสักเท่าไรหุ้นกลุ่มนี้ ปกติผมจะไม่เล่นผมจะเลือกเล่นแค่ กลุ่ม a b c เท่านั้นเพื่อตัดความเสี่ยงหุ้นกลุ่ม d นี้จะเป็นหุ้นลักษณะที่อาศัย story เช่นเคยมีรายใหญ่เข้ามาเล่นมาดึงราคาแล้วทุบ หุ้นกลุ่มนี้จึงมีลักษณะเกร็งกำไรมากกว่าแต่ก็มีบางตัวที่มีแนวโน้มจะขึ้นมาเป็นกลุ่ม c ได้เราจะรู้ได้ต้องอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและงบการเงินเป็นหลัก

กลุ่ม f คือ หุ้นที่มีลักษณะถูกพักการซื้อขายหรือหุ้นลักษณะทุนใกล้ติดลบ ไม่น่าสนใจและเสี่ยงมากแต่ก็ยังมีคนเล่นอยู่ เพราะราคาถูกมากเกร็งกำไรล้วนๆ
ตามความคิดผมๆ จะแนะนำคนเล่นหุ้นใหม่ๆให้เล่นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงเป็นหลัก กลุ่ม a b แค่นั้นเพราะท่านประสบการยังนัอยและยังรับภาวะขาดทุนไม่ได้ ดังนั้นหุ้นสภาพคล่องสูงย่อมดีกว่าครับ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองครับ

เครดิต
Nikky

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น