DIVERGENCE PATTERN

DIVERGENCE PATTERN



DIVERGENCE นั้นมี 2ลักษณะ นั่นคือ
1.แบบ Regular Divergence
2.แบบ Hidden Divergence
ในที่นี้ผมจะพูดในแบบของ Regular ครับ ผมเคยเขียนบทความ เรื่อง Divergence ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่อยากจะขยายความบางส่วนที่หลายๆท่านอาจจะยังไม่เข้าใจครับ
Regular Divergence นั้นจะประกอบด้วย 3 ลักษณะ
1.Strong ซึ่งจะบอกแนวโน้มที่แข็งแรงพลังของการกลับตัวได้ดี
2.Medium ซึ่งจะบอกแนวโน้มระดับกลางที่จะมีพลังน้อยกว่าแบบ Strong
3.Weak ซึ่งจะบอกแนวโน้มระดับเล็กที่จะมีพลังน้อยกว่าทั้ง 2 แบบข้างต้น
การเกิด Divergence นั้นจะเกิดได้ทั้ง 2 trend ตลาดทั้งแบบ Bullish(ตลาดกระทิง) และ Bearish(ตลาดหมี) ดังนั้นรูปแบบ Regular divergence จึงประกอบได้ 6 รูปแบบครับ
1.Strong Bullish Divergence
2.Strong Bearish Divergence
3.Medium Bullish Divergence
4.Medium Bearish Divergence
5.Weak Bullish Divergence
6.Weak Bearish Divergence
# การเกิด Bullish divergence จะเกิดขึ้นในแนวโน้มขาลงเมื่อเกิด Bullish divergence แล้วจะบ่งชี้การกลับตัวซึ่งเราก็ต้องมาพิจารณาต่อครับว่าเป็นแบบได้มีพลังการกลับตัวขนาดไหน
# การเกิด Bearish divergence จะเกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้นเมื่อเกิด Bearish divergence แล้วจะบ่งชี้การกลับตัวลงซึ่งเราก็ต้องมาพิจารณาพลังของการกลับตัวเช่นกันครับ
ทุกๆครั้งที่เกิดการกลับตัว Divergence นั้นเราจะต้องใช้การตี Trend line เพื่อเป็นตัวยืนยันสัญญาณกลับตัวครับ การเกิด Bullish divergence แบบ Strong นั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะเกิดการกลับตัวทันทีซึ่งเราจะอาศัยสัญญาณยืนยันจากการ Break out trend line และการยกตัวตามรูปแบบ Dow theory เพื่อเป็นตัวยืนยันแนวโน้มการกลับตัวครับ ในกรณีขาขึ้นหากเกิดการกลับตัวลงจะเกิดสัญญาณ Bearish divergence ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเกิด Bearish divergence หลายครั้งกว่าราคาจะปรับตัวลงครับ ผมนำ case study มาให้ดูประกอบนั่นคือหุ้น Pttgc ซึ่งเกิด Strong bullish divergence และยืนยันการกลับตัวด้วยการ Break trend line และยกตัวตาม Dow theory ครับ

เครดิต
Nikky
(ห้องคุยนักลงทุน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น