สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 6 ก.ย. 2557
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้
Dow Jones 17,137.36 +67.78 (+0.40%)
S&P500 2,007.71 +10.06 (+0.50%)
NASDAQ 4,582.90 +20.61 (+0.45%)
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 6.1% จาก 6.2% ในเดือนก.ค.
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์นั้น ส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดแรงงานของสหรัฐ นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับข้อมูลแรงงานที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ รวมถึงรายงานของ ADP ที่ระบุว่าภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 204,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ส.ค. เพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 302,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 300,000 ราย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา จนกระทั่งปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ข้อมูลด้านแรงงานที่ซบเซานั้นอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คณะกรรมการเฟดตัดสินใจเลื่อนเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป หลังจากนายอิริค โรเซนเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตันได้แสดงความเห็นว่า เฟดยังไม่ควรรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานที่ยังคงซบเซาอยู่มาก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานว่า ผู้นำรัฐบาลยูเครนและผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซึ่งฝักใฝ่รัสเซียได้ลงนามในสัญญาหยุดยิงที่เมืองมินสค์ในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวานนี้เวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
หุ้นวอลกรีน ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสินค้าเวชภัณฑ์ พุ่งขึ้น 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่สูงกว่าการคาดการณ์ ขณะที่หุ้น PVH ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Calvin Klein ทะยานขึ้น 9.7%
ส่วนหุ้นแอปเปิลร่วงลง 3.4% เพราะได้รับแรงกดดันหลังจากบริษัทซัมซุง ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของแอปเปิล ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ แอปเปิลยังได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวในด้านลบเกี่ยวกับภาพหลุดของบรรดาคนดัง ขณะที่หุ้นโฮมดีโปท์ ดิ่งลง 2%
เครดิต
Thanya Kaew
(ห้องคุยนักลงทุน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น